ตามที่มีข่าวว่าวิกฤติสินเชื่อซัพไพร์ม (subprime) หรือสินเชื่อคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐาน ที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาอาจมีผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย ศูนย์ข้อมูล วิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ AREA แห่ง Agency for Real Estate Affairs ซึ่งได้ศึกษาจากนักวิชาการสหรัฐอเมริกาที่เดินทางมายังประเทศไทย ประกอบกับการไปศึกษาดูงานในสหรัฐอเมริกา ในช่วงวันที่ 9-16 กันยายน ศกนี้ ขอแถลงให้ทราบดังนี้:
สินเชื่อดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยโดยตรง แม้จะมีสถาบันการเงินไทยที่ไปซื้อหุ้นในสินเชื่อดังกล่าว แต่ก็คาดว่าคงเป็นการลงทุนส่วนน้อย และเป็นปัญหาเฉพาะราย
เราควรเข้าใจในความเป็นจริงประเด็นสินเชื่อซัพไพร์มที่กระพือข่าวในประเทศไทยว่า ประการแรก การผิดนัดชำระหนี้และการขายทอดตลาดทรัพย์สินของสินเชื่อซัพไพร์มนั้นเคยเกิดขึ้นสูงสุดในปี 2545 แล้วเพิ่งมาเกิดขึ้นอีกครั้งในปัจจุบัน แต่ครั้งก่อนแทบไม่เคยมีใครเอ่ยอ้างถึง แต่เพิ่งมาตื่นตระหนกในครั้งนื้ ประการที่สอง ปัญหานี้เกิดขึ้นในบางกลุ่มชน บางเมืองและภูมิภาค ไม่ใช่เป็นไปทั่วประเทศ โดยทั่วไปกลุ่มคนผิวดำและพวกพูดภาษาสเปนใช้บริการสินเชื่อซัพไพร์มถึงราว 40% ส่วนชาวเอเซียและชาวผิวขาวใช้บริการเพียง 16% โดยประมาณ ประการที่สาม สินเชื่อซัพไพร์มถือเป็นสินเชื่อส่วนน้อยเมื่อเทียบกับสินเชื่อแบบ ไพร์ม (เชื่อถือได้สูง) สินเชื่อแบบ ไพร์ม ยังมีการผ่อนชำระและการยึดทรัพย์ขายทอดตลาดต่ำมาก
อย่างไรก็ตามภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์สหรัฐอเมริกามีความเปราะบางโดยรากฐาน การที่ราคาที่อยู่อาศัยจะเพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้งมาตั้งแต่ปี 2535 จนถึงปัจจุบันและเพิ่มสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากมาโดยตลอด ทำให้เกิดการเก็งกำไร เป็นบ่อเกิดของปัญหาวิกฤติในอนาคต และโดยที่มีการเก็งกำไรกันมาก จึงทำให้เกิดสินเชื่อซัพไพร์ม ซึ่งเป็นการผ่อนคลายกฎเกณฑ์การให้สินเชื่อที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตามภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกายังแข็งแกร่ง มีคนไปลงทุนกันมาก ตำแหน่งงานก็ยังมีเพิ่มขึ้น (ยกเว้นในภาคอสังหาริมทรัพย์) อัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำ หากเมื่อใดเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาตกต่ำ หายนะจริง ๆ ก็จะเกิดขึ้นได้ทั่วโลก เช่นกรณี the Great Depression แต่กรณีวิกฤติซัพไพร์มนี้ แม้คาดว่าอาจก่อให้เกิดการขายทอดตลาดบ้านสูงถึง 3 ล้านหน่วยในอนาคต แต่ก็เป็นเพียงส่วนน้อยของบ้าน 120 ล้านหน่วย และตามประสบการณ์ปี 2530-2532 ที่เกิดวิกฤติในลักษณะคล้ายกัน (ชื่อว่า Saving and Loans Crisis) ก็ไม่ได้กระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาโดยตรง และในยุคนั้นกลับเป็นยุคที่อสังหาริมทรัพย์ไทยและอาเซียนเติบโตสวนกระแสถึงขีดสุดด้วยซ้ำไป
อย่าให้ความเข้าใจผิดจนเกิดภาพเลวร้ายเกินจริง เป็นเครื่องมือสร้างความวิตกต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยจนเกินควร