อ่าน 1,115 คน
AREA แถลง ฉบับที่ 9/2552: 25 มีนาคม 2552
ราคาบ้านในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นในรอบ 11 เดือน

ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน
ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส

            ศูนย์ข้อมูล วิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ขอรายงาน "ข่าวดี" ให้ทราบว่า ราคาบ้านในสหรัฐอเมริกากระเตื้องขึ้น 1.7% ในช่วงสิ้นเดือนธันวาคม 2551 - สิ้นเดือนมกราคม 2552 ทั้งนี้ทางศูนย์ข้อมูล AREA ได้อ้างอิงจากข้อมูลขององค์กรการเงินเคหะการแห่งสหรัฐอเมริกา (Federal Housing Finance Agency) ณ กรุงวอชิงตัน

            การเพิ่มขึ้นของราคาบ้านในสหรัฐอเมริกาในเดือนมกราคม 2552 นี้ นับเป็นการขึ้นราคาครั้งแรกในรอบ 11 เดือน นับแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2551 ที่ผ่านมา ซึ่งในเดือนดังกล่าวเพิ่มขึ้นเพียง 0.4% เท่านั้น อาจกล่าวได้ว่า นับแต่ราคาบ้านตกต่ำลง ณ เดือนเมษายน 2550 เป็นต้นมา เดือนมกราคม 2552 นับว่ามีการขยับราคาสูงขึ้นอย่างชัดเจนถึง 1.7% การนี้อาจชี้ให้เห็นว่าสถานการณ์เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกากำลังกระเตื้องขึ้นในระดับหนึ่ง จึงส่งผลให้ราคาที่อยู่อาศัยกระเตื้องขึ้นตามไปด้วย

            อย่างไรก็ตามถือว่าในรอบ 1 ปีล่าสุด (มกราคม 2551 - มกราคม 2552 ราคาบ้านในสหรัฐอเมริกาตกต่ำลงไปรวม 6.3% แต่หากนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2550 ซึ่งเป็นช่วงที่ราคาสูงสุด นับถึงสิ้นเดือนมกราคม 2552 ซึ่งเป็นเดือนล่าสุด ปรากฏว่า ราคาลดลงถึง 10.6% แล้ว อย่างไรก็ตามยังไม่ถือว่าต่ำมากนัก หากเทียบกับราคาเรียกซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ราคาอาจ "แกว่ง" มากกว่านี้

            หากเจาะเฉพาะพื้นที่จะพบว่า มลรัฐซีกตะวันตกของประเทศ (ติดมหาสมุทรแปซิฟิก) อันได้แก่ มลรัฐวอชิงตันทางด้านเหนือ จนถึงมลรัฐแคลิฟอร์เนียทางด้านใต้ เป็นบริเวณที่ตกต่ำมากเป็นพิเศษ โดยในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ราคาบ้านตกต่ำลง 21.1% และราคาเมื่อช่วงปี 2550-2551 ก็ตกต่ำลง 9.5% รวมความแล้วตลอดช่วงสิ้นปี 2549-2551 ราคาบ้านตกต่ำลงถึงประมาณ 1/3 ของมูลค่าเดิม สาเหตุที่มูลค่าในย่านนี้ตกต่ำมากเป็นพิเศษ เนื่องจากมีการซื้อเพื่อการเก็งกำไรจากการย้ายถิ่นมากเป็นพิเศษ รวมถึงมีการย้าย-เปลี่ยนแหล่งเงินกู้รวมถึงการกู้เพิ่มมากเป็นพิเศษ ปรากฏการณ์ที่พบก็คือ ราคาบ้านในช่วงก่อนปี 2550 มีการขยับตัวสูงขึ้นตามแรงซื้อมากเป็นพิเศษ พอมาถึงเวลาราคาตกต่ำ ก็จึงตกต่ำมากกว่าบริเวณอื่น

            กลุ่มมลรัฐที่มีการตกต่ำมากแต่รองจากมลรัฐฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิคก็คือ มลรัฐแถบภูเขา (ได้แก่มลรัฐเนวาดา อริสโซนา นิวเม็กซิโก เป็นต้น) ซึ่งลดลง 9.2% และมลรัฐแถบมหาสมุทรแอตแลนติกใต้ (ได้แก่มลรัฐฟลอริดา จอร์เจีย เป็นต้น) ซึ่งลดลง 8.3% เมืองหลายแห่งในมลรัฐเหล่านี้ก็มีสินค้าที่อยู่อาศัยที่ขายกัน "ตามกระแส" ในช่วงก่อนเป็นจำนวนมากเช่นกัน ทำให้ราคาแพงสูงลิ่วในช่วงก่อน และกำลังปรับตัวลงตามลำดับ

            อย่างไรก็ตามในมลรัฐแถบตอบกลางค่อนไปทางตะวันตกเฉียงใต้ (West South Central) ราคาบ้านแทบจะไม่ตกต่ำลงเลย กล่าวคือ ราคาลดลงในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาเพียง 0.4% เท่านั้น และสำหรับปี 2550-2551 ราคาก็ยังเพิ่มขึ้นถึง 1.9% อีกต่างหาก มลรัฐเหล่านี้ได้แก่ มลรัฐโอกลาโฮมา อาคันซอส์ เท็กซัส และหลุยเซียนา ซึ่งเป็นเขตที่ราคาที่อยู่อาศัยไม่ได้เคลื่อนไหวมากนักในช่วง "บูม" เมื่อ 3-4 ปีก่อน

            การที่ราคาบ้านในสหรัฐอเมริกากลับกระเตื้องขึ้นในเดือนมกราคม 2552 นี้ นับเป็น "ข่าวดี" และโดยที่เพิ่มขึ้นในลักษณะที่ค่อยข้าง "แรง" ถึง 1.7% และเมื่อเดือนก่อนหน้า ก็ปรากฏว่าลดต่ำลงน้อยมาก คือ เพียง 0.2% ก็ยิ่งเป็นการชี้ให้เห็นลาง ๆ ได้ว่า แนวโน้ม "เลือด (อาจ) หยุดไหล" ในระบบเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา ก็เป็นได้ อย่างไรก็ตามศูนย์ข้อมูล วิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ AREA จะได้ติดตามมานำเสนอต่อไป

ผู้แถลง:
ดร.โสภณ พรโชคชัย (sopon@area.co.th) ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA (www.area.co.th): ในฐานะศูนย์ข้อมูล-วิจัยและประเมินค่าทรัพย์สินที่มีฐานข้อมูลภาคสนามขนาดใหญ่ที่สุด ได้รับ ISO 9001-2008 ทั้งระบบแห่งแรกในฐานะที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ได้รับรางวัลจรรยาบรรณดีเด่น และเป็นสมาชิก UN Global Compact อีกด้วย

2024 Copyright © by area.co.th All Rights Reserved