อ่าน 2,930 คน
AREA แถลง ฉบับที่ 75/2557: 10 มิถุนายน 2557
ที่อยู่อาศัยไม่ใช่ปัญหาเร่งด่วนตามคณะกรรมการปฏิรูปอ้าง

ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส
sopon@area.co.th

          จากประสบการณ์การปฏิรูปการเมืองของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ปรากฏว่าไม่ประสบความสำเร็จ ทั้งนี้เมื่อเดือนสิงหาคม 2553 คณะกรรมการปฏิรูปที่รัฐบาลสมัยนั้นแต่งตั้งและมีนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธาน มีข้อสรุปประเด็นปัญหาหลักของประเทศ 14 ประเด็น โดยประเด็นแรกก็คือ “เรื่องที่อยู่อาศัยเป็นเรื่องเร่งด่วน” อันดับ 1 {1} นั้น สรุปคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง
          เพื่อที่การปฏิรูปการเมืองในครั้งใหม่ของ คสช. จะไม่ผิดพลาดอีก นั้น ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ซึ่งเป็นศูนย์ข้อมูลฯ แห่งเดียวในประเทศไทยที่เก็บข้อมูลตลาดที่อยู่อาศัยและอสังหาริมทรัพย์มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2537 จึงขอเสนอข้อมูลเพื่อความกระจ่าง ดังนี้:

          1. ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา สถานการณ์ที่อยู่อาศัยค่อนข้างดี สัดส่วนของประชากรเมืองซึ่งมักจะอยู่กันอย่างแออัดกว่า มีอยู่ค่อนข้างต่ำ คือมีเพียง 31% หรือหนึ่งในสามของประชากรทั้งประเทศเท่านั้น จากตารางที่ 1 แสดงให้เห็นว่า แม้จำนวนประชากรเมืองจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงปี 2543-2547 แต่เป็นเพราะการยกฐานะเทศบาลขึ้นใหม่หลายแห่ง แต่ในช่วงปี 2547-2552 การเพิ่มขึ้นของประชากรเมืองน้อยมาก นอกจากนี้อัตราการขยายตัวของประชากรของไทยก็ค่อนข้างต่ำ รวมทั้งความหนาแน่นของประชากรที่ค่อนข้างต่ำเช่นกัน ที่สำคัญจำนวนที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น ทำให้ไม่เกิดความขาดแคลนที่อยู่อาศัย และทำให้จำนวนประชากรต่อบ้านลดลงตามลำดับ ซึ่งสะท้อนถึงคุณภาพการอยู่อาศัยที่ดีขึ้น

          2. ในประเทศไทย ครัวเรือนส่วนใหญ่ถึงสามในสี่โดยประมาณ มีบ้านและที่ดินเป็นของตนเอง ซึ่งนับว่าสูงมาก หากนับรวมผู้ที่มีบ้านบนที่ดินเช่าด้วยแล้ว ครัวเรือนที่มีบ้านจะสูงถึงสี่ในห้าของครัวเรือนทั้งหมด นี่เป็นดัชนีที่ชี้ให้เห็นว่าปัญหาที่อยู่อาศัยในประเทศไทยแทบจะไม่มีเลย ตลอดช่วง 7 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ.2543-2550) สัดส่วนของบ้านเช่าเพิ่มขึ้นจาก 11.1 เป็นเพียง 12.2% เท่านั้น ซึ่งก็คงเป็นไปตามภาวะของเมืองยุคใหม่ที่มีการเช่าบ้านมากขึ้น แต่ก็แทบจะไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงนักในกรณีของประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา

          3. เมื่อตรวจสอบดูจากค่าใช้จ่ายต่อเดือนของครัวเรือน พบว่า รายจ่ายสำหรับที่อยู่อาศัยมีสัดส่วนประมาณ 18% - 25% ของรายจ่ายทั้งหมด หรือเพียงหนึ่งในห้า – หนึ่งในสี่ของรายจ่ายทั้งหมดเท่านั้น ซึ่งนับว่าน้อยมาก สัดส่วนรายจ่ายด้านที่อยู่อาศัยโดยรวมกลับลดลงเล็กน้อย จาก 22% ในปี 2543 เป็น 20% ในปี 2550 การนี้แสดงให้เห็นว่าภาระของที่อยู่อาศัยคงมีไม่มากนักสำหรับครัวเรือนในประเทศไทย

          4. จากการสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือนล่าสุด ณ สิ้นปี พ.ศ. 2552 ของสำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่า สัดส่วนของหนี้สินของครัวเรือนไทยลดลงจาก 63.3% ในปี 2550 เหลือ 60.9% ในปี 2552 แสดงว่าสถานการณ์หนี้ดีขึ้น และหนี้ในด้านที่อยู่อาศัยมีสัดส่วนเพียงหนึ่งในสามเท่านั้น {2} แสดงว่าภาระหนี้สินด้านที่อยู่อาศัยของประชาชนมีไม่มากนัก

          5. สำหรับจำนวนที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลนั้น มีอยู่ 4,325,791 หน่วย ณ ปี 2552 {3} ในขณะที่ปีที่กรุงเทพมหานครฉลองครบรอบ 200 ปีนั้น มีบ้านอยู่เพียง 1 ล้านหน่วยเท่านั้น แสดงว่ามีการก่อสร้างที่อยู่อาศัยเกิดขึ้นมาก โดยเฉพาะบ้านจัดสรรและอาคารชุดภาคเอกชน ที่เกิดขึ้นจำนวนมาก จนทดแทนชุมชนแออัดและชุมชนผู้มีรายได้น้อยอื่น ณ ปี 2500 มีบ้านที่ต่ำกว่ามาตรฐานถึง 46% ของทั้งหมด {4} ในขณะที่ปัจจุบันเหลือชุมชนแออัดในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลไม่เกิน 5% ของที่อยู่อาศัยทั้งหมดเท่านั้น สถานการณ์ที่อยู่อาศัยและการอยู่อาศัยของครัวเรือนไทยดีขึ้นอย่างเด่นชัดในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา
          จากข้อมูลทั้งหมดนี้ชี้ให้เห็นว่า ปัญหาที่อยู่ไม่สมควรถูกจัดเป็นปัญหาหลักหนึ่งใน 14 ปัญหาของประเทศแต่อย่างใด หากรัฐบาลนำข้อมูลที่คลาดเคลื่อนนี้ไปใช้ ก็อาจเกิดโครงการที่ไม่เป็นประโยชน์ เช่น บ้านมั่นคง และบ้านเอื้ออาทร ที่ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยเพียงบางส่วน โดยสิ้นเปลืองงบประมาณจำนวนมากเกินความจำเป็นนับพันนับหมื่นล้าน ทำให้เกิดความสูญเสียทรัพยากรของประเทศชาติ

อ้างอิง
{1} มติชนออนไลน์ 2 สิงหาคม 2553 เวลา 20:51:39 น.: http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1280757171&grpid&catid=01
{2} บทสรุปสำหรับผู้บริหาร การสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน พ.ศ. 2552 http://service.nso.go.th/nso/nsopublish/service/survey/socioExec52.pdf
{3} ข้อมูลกรมการปกครอง http://203.113.86.149/xstat/pop52_1.html
{4} Litchfield Whiting Browne and Associates et.al. (1960). Greater Bangkok Plan B.E. 2533 (1990). Bangkok, Department of Town and Country Planning. หน้า 84


ผู้แถลง:
ดร.โสภณ พรโชคชัย (sopon@area.co.th) ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA (www.area.co.th): ซึ่งเป็นองค์กรที่มีฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ภาคสนามขนาดใหญ่ที่สุดและปรับปรุงให้ทันสมัยที่สุดในประเทศไทย และดำเนินการเก็บข้อมูลต่อเนื่องมาตั้งแต่ พ.ศ.2537 เป็นศูนย์ข้อมูลที่มีความเป็นกลางทางวิชาการ และเป็นอิสระทางวิชาชีพ โดยไม่ถูกครอบงำโดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียใด ๆ สมาชิกของศูนย์ข้อมูลฯ ได้รับข้อมูลที่เป็น First-hand information ในเวลาเดียวกัน

2024 Copyright © by area.co.th All Rights Reserved