ตลาดที่อยู่อาศัยในสหรัฐอเมริกาฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องตามภาวะเศรษฐกิจ แม้การฟื้นตัวอย่างเป็นในขอบเขตทั่วประเทศแต่ก็มีบางบริเวณที่ยังไม่ฟื้นตัวดีนัก ราคาบ้านในสหรัฐอเมริกามีการฟื้นตัวในอัตราที่สูงกว่าไทย
         ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) เปิดเผยว่าทางหน่วยงานเคหะการแห่งสหรัฐอเมริกา (Federal Housing Finance Agency) ของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้เปิดเผยข้อมูลการเปลี่ยนแปลงราคาบ้านในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นเดือนล่าสุดที่เพิ่งเผยแพร่ในวันที่ 22 กันยายน ศกนี้พบว่า ราคาบ้านในรอบ 1 เดือนล่าสุด (มิถุนายน-กรกฎาคม 2558) เพิ่มขึ้น 0.6% และหากพิจารณาจากข้อมูลในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา (กรกฎาคม 2557-กรกฎาคม 2558) ราคาบ้านเพิ่มขึ้นถึง 5.8% ทั่วทั้งสหรัฐอเมริกา

         หากเทียบกับในกรุงเทพมหานครจะพบว่า
         1. ราคาบ้านและห้องชุดในโครงการจัดสรรที่ยังขายอยู่ในท้องตลาด มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 0.3% ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา (มิถุนายน 2557 - มิถุนายน 2558)
         2. ราคาบ้านหลังเดิม เช่น ทาวน์เฮาส์ราคาปานกลาง เพิ่มขึ้นประมาณ 3% ในรอบ 1 ปีที่ผ่าน
         3. อย่างไรก็ตามในกรณีสินค้าที่เปิดใหม่ ในปี 2558 ราคาที่เปิดขายใหม่สูงถึง 3.9 ล้านบาทต่อหน่วย เทียบกับ 3 ล้านบาทต่อหน่วยในปี 2557 ทั้งนี้เพราะการผลิตที่อยู่อาศัยเน้นของแพง (เพราะยังขายได้) มากขึ้น สินค้าราคาปานกลาง ขายได้ยาก เพราะประชาชนทั่วไปมีฐานะทางเศรษฐกิจที่ถดถอยลง
         ราคาบ้านในสหรัฐอเมริกาในขณะนี้ต่ำกว่าราคาที่เคยขึ้นสูงสุดในเดือนมีนาคม 2550 เพียง 1.1% เท่านั้น หรือแสดงว่ากำลังฟื้นตัว ซึ่งได้ฟื้นตัวต่อเนื่องมาเกือบ 3 ปีแล้ว อย่างไรก็ตามใบขณะนี้ก็ยังมีบางพื้นที่ๆ ยังมีราคาลดลงบ้าง เช่นแถบนิวอิงแลนด์ แถวมลรัฐ Maine, New Hampshire, Vermont, Massachusetts, Rhode Island และ Connecticut ซึ่งราคาบ้านยังติดลบ 1.2% ในเดือนที่ผ่านมา ส่วนบริเวณมลรัฐแถบภูเขากลับมีราคาเพิ่มขึ้น 1.6% ได้แก่มลรัฐ Montana, Idaho, Wyoming, Nevada, Utah, Colorado, Arizona, และ New Mexico นั่นเอง

         สำหรับในประเทศไทย พื้นที่ ๆ มีการเพิ่มขึ้นของราคาก็ยังเป็น
         1. ในบริเวณใกล้รถไฟฟ้า โดยเฉพาะรถไฟฟ้าที่ผ่านย่านใจกลางเมือง ซึ่งมีศักยภาพดี ยังสามารถนำไปสร้างห้องชุดพักอาศัยในราคาสูงได้
         2. บริเวณเมืองชายแดน เขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งมีศักยภาพที่ดีในอนาคต โดยเฉพาะการลงทุนด้านอุตสาหกรรมและการทำให้เป็นเมืองอย่างรวดเร็วเพราะการพัฒนาพื้นที่ในอนาคตอันใกล้
         3. เมืองตากอากาศยังได้รับความนิยมอยู่ แม้นักท่องเที่ยวและนักลงทุนจากรัสเซียจะได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็หวังว่าจะมีนักลงทุนจากกลุ่มอื่น เช่น จีน อินเดีย มาเสริมแทนในอนาคต
         โดยสรุปแล้ว หากเศรษฐกิจฟื้นตัวราคาอสังหาริมทรัพย์ก็จะฟื้นตัวตามไปด้วย ดังนั้นรัฐบาลจึงควรมุ่งเน้นกระตุ้นเศรษฐกิจ ผู้ซื้อบ้านหรือผู้บริโภคจะได้มีโอกาสซื้อบ้านได้อย่างมั่นใจ แต่จะกลับหัวกลับหางด้วยการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ คงเป็นการคิดที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง