ดอกเบี้ย 0% คือการที่สถาบันการเงินขาด CSR
  AREA แถลง ฉบับที่ 214/2559: วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน 2559

ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส sopon@area.co.th https://www.facebook.com/dr.sopon4

            เร็วๆ นี้สถาบันการเงินเริ่มจะลดดอกเบี้ยเงินฝากเหลือ 0% หรือใกล้ 0% เข้ามาเต็มที แต่ดอกเบี้ยเงินฝากกลับฉีกห่างไป 6% นี่เท่ากับสถาบันการเงินไม่มี CSR

ประเทศ ดอกเบี้ยเงินฝาก ดอกเบี้ยเงินกู้ อัตราเงินเฟ้อ
ญี่ปุ่น -0.10% 0.95% -0.30%
ประเทศไทย 1.50% 7.10% 0.50%
สหรัฐอเมริกา 0.50% 3.50% 1.00%
อินโดนีเซีย 6.75% 10.50% 3.30%
ที่มา: ข้อมูลเกือบทั้งหมดจาก www.tradingeconomics.com

            CSR (Corporate Social Responsibility) หรือพันธกิจต่อผู้มีส่วนได้เสียกับวิสาหกิจ กำลังเป็นที่กล่าวขวัญถึง ผู้มีส่วนได้เสีย (stakeholders) ใน CSR นั้นหมายถึงตั้งแต่ผู้ถือหุ้น ลูกจ้าง ลูกค้า คู่ค้า (supplier) ชุมชนที่วิสาหกิจนั้นตั้งอยู่ ตลอดจนสังคมโดยรวม อย่างไรก็ตามวิสาหกิจทั่วไปมักนึกถึงผู้ถือหุ้นเป็นอันดับแรกโดยไม่คำนึงถึงกลุ่มอื่น ซึ่งแสดงว่าขาด CSR นั่นเอง และก่อให้เกิดปัญหาต่อสังคม

            การที่เราจะมี CSR นั้น ย่อมหมายถึงการเอื้อประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายอย่างเหมาะสมโดยไม่ไปเบียดเบียนฝ่ายใด วิสาหกิจที่มี CSR ย่อมไม่ขูดรีดแรงงานลูกจ้าง ไม่ฉ้อโกงลูกค้า ไม่เอาเปรียบคู่ค้า ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมหรือทำร้ายชุมชนโดยรอบที่ตั้งของวิสาหกิจด้วยการก่อมลพิษ วิสาหกิจที่ขาด CSR ย่อมสะท้อนถึงการขาดซึ่งความโปร่งใส ผู้บริหารในแทบทุกระดับมักหาผลประโยชน์เข้าตัวเองหรือฉ้อโกง

            แท้จริงแล้ว การมี CSR เป็นการทำธุรกิจให้ถูกต้องตามกฎหมาย (แต่ถ้าใครจะทำให้ดีเกินมาตรฐานกฎหมายหรือจะบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมเพิ่มเติมก็อีกเรื่องหนึ่ง) หรืออีกนัยหนึ่งคือการไม่ทำผิด หมิ่นเหม่หรือหลบเลี่ยงกฎหมายแรงงาน กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กฎหมายอาญาในกรณีต่าง ๆ ด้วยเหตุนี้การทำ CSR จึงต้องมีกรอบกฎหมายบังคับ

            เอาเปรียบคู่ค้า=ขาดจริยธรรม วิสาหกิจหลายแห่งเอาเปรียบคู่ค้าโดยขาดจริยธรรมอย่างเด่นชัด เช่น การยัดเยียดขายพ่วงสินค้า หรือการที่ห้างสรรพสินค้าบังคับให้วิสาหกิจสินค้าอุปโภคบริโภคแปะยี่ห้อของห้าง (house brand) แทนการให้โอกาสวิสาหกิจเหล่านั้นแจ้งเกิดยี่ห้อของเขา นอกจากนี้ยังมีการบีบคู่ค้าให้จัดหาสินค้า-บริการแก่ตนในราคาที่ต่ำสุดเพื่อเพิ่มโอกาสการเอาชนะในสงครามราคาเพื่อการครอบงำตลาดในอนาคต

            จริยธรรมเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งเลื่อนลอยที่จะร้องขอความเมตตาจากวิสาหกิจรายใหญ่ที่ยืนอยู่ฐานะที่ได้เปรียบ แต่เป็นประเด็นความไม่เป็นธรรมที่ต้องได้รับการแก้ไขโดยกฎหมายเพื่อประโยชน์ของวิสาหกิจส่วนใหญ่และโดยเฉพาะเพื่อประชาชนโดยรวม เช่น การออกกฎหมายป้องกันการผูกขาด กฎหมายป้องกันการทุ่มตลาด กฎหมายผังเมืองที่ห้ามการตั้งห้าง/ร้านค้าปลีกส่งเดช กฎหมายสิ่งแวดล้อมที่ห้ามการก่อสร้างอาคารที่ขาดซึ่งมาตรการแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่จะเกิดขึ้น เป็นต้น

            การที่สถาบันการเงินบางแห่งลดดอกเบี้ยถึง 0% นั้น อาจไม่ผิด ในกรณีญี่ปุ่นก็เช่นกัน แต่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ก็ควรที่จะไม่ถ่างห่างมากขนาด 6-7% ควรน้อยกว่านี้มาก ดูอย่างกรณีญี่ปุ่นหรือประเทศตะวันตกอื่นได้ ทางออกที่จะแก้ไขปัญหานี้ก็คือการเปิดโอกาสให้สถาบันการเงินเอกชนเข้ามาดำเนินการ จะได้มีการแข่งขันแทนการเป็นธุรกิจกึ่งผูกขาด อีกประการหนึ่งก็ควรให้ประชาชนได้ลงทุนทางเลือกอื่น เช่น การซื้อพันธบัตร เพื่อให้การออมไม่สูญเปล่านั่นเอง

            สถาบันการเงินจะมี CSR ไม่ใช่ไปเที่ยวทำดีปลูกป่า หรือทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม แต่อยู่ที่การไม่เอาเปรียบผู้บริโภคโดยเฉพาะลูกค้าผู้ฝากหรือกู้เงินนั่นเอง


http://www.thaiappraisal.org/thai/journal/order.php?p=publicationb21.php

อ่าน 4,078 คน
2024 Copyright © by area.co.th All Rights Reserved