ความไม่รู้ (จริง) ของ ดร.วิรไท?
  AREA แถลง ฉบับที่ 42/2560: วันจันทร์ที่ 23 มกราคม 2560

ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส sopon@area.co.th https://www.facebook.com/dr.sopon4

            มาลองวิพากษ์แนวคิดของ ดร.วิรไท ผู้ว่าฯ แบงค์ชาติ คิดเห็นได้สอดคล้องกับความเป็นจริงหรือไม่ คิดแบบนี้จะนำพาชาติไปข้างหน้าหรือย่ำอยู่กับที่

            ดร.วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “เศรษฐกิจการเงินไทยท่ามกลางความท้าทายในยุค 4.0” เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2560 (http://bit.ly/2kgUhZe) ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) มีความเห็นต่างและขอวิพากษ์ ดังนี้

            1. ดร.วีรไท: megatrend ด้านที่สาม การเกิดขึ้นของเมืองใหม่ (urbanization). . .จะมีผลข้างเคียงหลายมิติ. . . ชุมชนแออัด. . . ข้อนี้ ท่านอาจไม่ทราบว่าในยุคสมัยใหม่ เมืองใหม่ มีโอกาสเกิดชุมชนแออัดน้อยลงเพราะราคาที่ดินแพง สามารถใช้พัฒนาเชิงพาณิชย์ได้ เจ้าของที่ดินคงไม่ปล่อยให้บุกรุกเช่นแต่ก่อน เว้นแต่ที่ดินของหน่วยราชการที่ "เอาหูไปนา เอาตาไปไร่"

            2. ดร.วิรไท: ศักยภาพทางเศรษฐกิจที่ลดต่ำลง. . .อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง. . .จนกระทั่งเหลือเพียงร้อยละ 3 ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ข้อนี้ ท่านละไว้ไม่กล่าวถึงว่ารัฐประหาร 2557 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชายังเคยบอกว่า "หากมีการปฏิวัติเกิดขึ้นอีกจะเป็นการแก้ปัญหาผิดทาง เพราะจะทำให้ปัญหาอื่นๆ เกิดขึ้นตามมาอีก และไม่รู้ว่าสังคมไทยจะยืนอยู่บนสังคมโลกได้อย่างไร" (http://bit.ly/2jmloOn)

            3. ดร.วิรไท: คนเพียงร้อยละ 10 ของประเทศถือครองที่ดินมากกว่าร้อยละ 60 ข้อนี้ ถ้าท่านยึดถือตามคำพูดเช่นนี้จริง ต้องเอ่ยถึงการแก้ไขภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างและภาษีมรดกเพราะที่ (คาดว่า) ออกมา ไม่ได้แก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำนี้โดยการเก็บภาษีเลย ยังปล่อยไว้ ไม่ได้รับการแก้ไข

            4. ดร.วิรไท: สัดส่วนประชากรที่อยู่ในเมืองของประเทศไทยที่อยู่ระดับประมาณร้อยละ 50 เพราะการพัฒนาเมืองกระจุกตัวอยู่รอบกรุงเทพฯ ไม่ได้กระจายไปอย่างทั่วถึง. . . ข้อนี้ ดร.วิรไท ไม่ทราบว่า กทม.และปริมณฑลมีจำนวนประชากรเพียง 11 ล้านคน ในขณะที่เมืองภูมิภาคอื่นรวมกันมีประชากรเมืองถึง 22 ล้านคน (http://bit.ly/2gKl52e)

            5. ดร.วิรไท: ปัจจุบันประเทศไทยมีกฎหมายและกฎระเบียบรวมกันประมาณ 1 แสนฉบับ และมีใบอนุญาตกว่า 1,500 ใบ ซึ่งสูงมากเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มประเทศ OECD. . . ข้อนี้ ดร.วิรไท ไม่ทราบว่านักวิชาชีพด้านประเมินค่าทรัพย์สิน บริหารทรัพย์สิน บริหารการขาย ฯลฯ ยังไม่มีใบอนุญาต ซึ่งจำเป็นต้องมีเพื่อพัฒนาวิชาชีพและดูแลผลประโยชน์ของประชาชนผู้บริโภค

            6. ดร.วิรไท: การขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปสู่ยุค 4.0 จะต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง. . .การกระจายโอกาส. . . การมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคม. . . ข้อนี้ ดูเป็นคำพูดสวยหรู แต่ในความเป็นจริงรัฐไม่ได้ฟังเสียงประชาชน เช่น ในการทำผังเมืองก็จัดประชุมให้ประชาชนมาแสดงความเห็น แต่ไม่เคยแก้ไขตามที่ประชาชนเสนอ และไม่ได้แสดงเหตผลด้วย

            7. ดร.วิรไท: ต้องปรับกลไกการทำงานของภาครัฐให้โปร่งใส และ เปิดกว้าง (open government) เพื่อให้เกิดการตรวจสอบจากภาคประชาชนและผู้เกี่ยวข้อง. . .  ข้อนี้ ท่านคงไม่ได้ดูจากสถานการณ์ในปัจจุบันที่อ้างว่าเป็นยุคโปร่งใส แต่การตรวจสอบต่าง ๆ ทำไม่ได้ มีข้อครหาทุจริต แต่ก็ไม่สามารถจะสาวต่อไปได้ แม้แต่การคัดเลือกผู้บริหารองค์กรอิสระ ถ้าโปร่งใสจริง ก็อาจไม่ได้ผู้บริหารที่มารับตำแหน่งเช่นทุกวันนี้ ก็อาจเป็นได้

            8. ดร.วิรไท: ผมคิดว่าคนไทยต้องมีความพร้อมอย่างน้อยใน 3 ด้าน. . .ความรู้และทักษะสำคัญของชีวิต. . . ทัศนคติ ข้อนี้ ดูประหนึ่งว่าประชาชน "โง่เง่า" ตัดสินใจเองไม่เป็น ท่านขาดความเชื่อมั่นในประชาชนว่ามีวิจารณาของตนเองหรือไร

            9. ดร.วิรไท: . . .การทำงานร่วมกันผู้อื่น. . .การยอมรับความแตกต่าง. . .  ข้อนี้ ท่านควรบอกว่าเราต้องยึดถือเสียงส่วนใหญ่เป็นหลัก ถ้าไม่เคารพเสียงส่วนใหญ่ เราจะบริหารบ้านเมืองไปทางไหน เช่น เราไม่เคารพว่าประชาชนชาวภูกระดึง 97% ต้องการกระเช้าไฟฟ้า ประชาชนนครสวรรค์ 79% ต้องการเขื่อนแม่วงก์  ประชาชน 78% รอบเหมืองพิจิตร ต้องการให้เหมืองอยู่ต่อ

            10. ดร.วิรไท: เราต้องตระหนักว่า เราเป็นหนึ่งในเจ้าของประเทศ ดังนั้น เรามีหน้าที่ในการเป็นพลเมือง และพร้อมเข้าแก้ปัญหาตามศักยภาพและในทุกโอกาสที่มี. . . ข้อนี้ ถ้ารัฐตระหนักจริง คงไม่ออกรัฐธรรมนูญที่ประชาชนไม่มีสิทธิเลือกนายกฯ ไม่มีสิทธิเลือกองค์กรอิสระ มีการแต่งตั้งคนทำหน้าที่ในสภา มี "พนักงานเทกระโถน" โดยได้รับลาภยศสักการะทั้งที่ไม่ผ่านความเห็นชอบจากประชาชนตามมาอีกมากมาย คนส่วนใหญ่ถูกเอาเปรียบและทิ้งอยู่เบื้องหลังแบบนี้ จะไปขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อย่างไร

            11. ดร.วิรไท: . . .การปลูกฝังคุณธรรมคือกุญแจ. . .ปลูกฝังเยาวชนรุ่นใหม่ให้เห็นความสำคัญของการเป็นคนดี. . . ข้อนี้ ท่านคงไม่ได้มองว่าปกติเราก็ปลูกฝังกันอยู่แล้ว ปัญหาสังคมทุกวันนี้ไม่ได้อยู่ที่คนทำดีน้อยไป แต่ปล่อยให้คนไม่ดีมีอำนาจต่างหาก (http://bit.ly/1MKTzdU)

            12. ดร.วิรไท: คนไทยโชคดีที่บรรพบุรุษเราปลูกฝังให้เรามีคุณธรรมดีเป็นพื้นฐาน จึงเป็นมรดกของแผ่นดินที่ต้องรักษาไว้ด้วยความหวงแหนและพัฒนาให้มีมากขึ้นต่อเนื่อง ข้อนี้ท่านพูด Over ไปไหม มีบรรพบุรุษชาติไหนที่ไม่ปลูกฝังให้เรามีคุณธรรมบ้างหรือไม่

            ดร.วีรไทยังพูดเรื่อง "ประเทศไทย 4.0" บ่อยมากในปาฐกถาครั้งนี้ แต่พื้นฐานความคิด ที่มา แนวทางการดำเนินการเพื่อให้ไทยเจริญตามแนวคิดนี้ สอดคล้องกับความเป็นจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงแค่วาทกรรม (พูดส่งเดช) ที่แหกตาประชาชน เป็นสิ่งที่เราต้องจับตาดูให้ดี เนื่องจากการแบ่งยุคต่าง ๆ ก็น่าสงสัยว่าจะแบ่งผิดแล้ว  แถมยังมี "ความคิดนรก" ประเภทมุ่งส่งเสริมให้ "ทำน้อย ได้มาก" (http://bit.ly/2gNFjUV)

            ช่วยกัน "มองต่างมุม" เพื่อชาติครับ


ที่มา: http://thaipublica.org/wp-content/uploads/2017/01/thaipublica-veerathai-19-1-2560.jpg

อ่าน 6,734 คน
2024 Copyright © by area.co.th All Rights Reserved