บิ๊กตู่ช่วยลูกค้า "เสี่ยเปี๋ยง" ด่วน
  AREA แถลง ฉบับที่ 65/2560: วันพฤหัสบดีที่ 02 กุมภาพันธ์ 2560

ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส sopon@area.co.th https://www.facebook.com/dr.sopon4

            การยึดทรัพย์ "เสี่ยเปี๋ยง" กรณีจำนำข้าว ทำให้ลูกค้าที่ซื้อห้องชุดราว 200 รายได้รับผลกระทบไปด้วย กรณีนี้ยืดเยื้อมาหลายเดือน ดร.โสภณ ชี้ถ้ามีการใช้ พ.ร.บ.คุ้มครองผลประโยชน์ของคู่สัญญา ปัญหานี้ก็จะไม่เกิด

            ตามที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. มีมติให้ยึดและอายัดทรัพย์สิน ของกลุ่มผู้ที่เกี่ยวข้องกับนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ "เสี่ยเปี๋ยง" เจ้าของ บจก.สยามอินดิก้า จำกัด ผู้ต้องหาในคดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐโดยมิชอบ เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2559 ปรากฏว่าห้องชุดในโครงการ 5 แห่งของ บจก.กีธา พร็อพเพอร์ตี้ส์ ที่มีนางสาวธันยพร จันทร์สกุลพร บุตรสาวของนายอภิชาติ เป็นหุ้นส่วนใหญ่ ก็ถูกยึดและอายัดทรัพย์ไปด้วย ทำให้กระทบต่อลูกค้ากว่า 200 คน ที่ซื้อห้องชุดไว้ ไม่สามารถผ่อนดาวน์ต่อ และโครงการก็ต้องยุติการก่อสร้างไปด้วย (http://bit.ly/2ksY999)

            กรณีนี้ ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า จากฐานข้อมูลของศูนย์ฯ พบว่า การนี้เกี่ยวข้องกับโครงการ 5 แห่งคือ แดน ลีฟวิ่ง รัชดา-วงศ์สว่าง เขตบางซื่อ มายสตอรี่ (My Story) เขตลาดพร้าว  Than Living (แดน ลิฟวิ่ง) เขตวังทองหลาง แดนลิฟวิ่ง พระราม 9ฯ เขตสวนหลวง และแดน ลิฟวิ่ง สาทร-เจริญราษฎร์ เขตบางคอแหลม

            โดยมีรายละเอียดของโครงการ ณ สิ้นปี 2559 ดังนี้

            1. แดน ลีฟวิ่ง รัชดา-วงศ์สว่าง เขตบางซื่อ  มีขนาดที่ดิน 1,803 ตารางวา หรือ 4.5 ไร่ เป็นโครงการอาคารชุด 28 ชั้น เปิดตัวเมื่อเดือนตุลาคม 2558 พัฒนาแล้วเพียง 10% ส่วนใหญ่ขายห้องชุดขนาด 28.23 ตารางเมตรจำนวน 694 หน่วย ขายได้แล้ว 185 หนว่ย และมีห้องชุดขนาด 80 ตารางเมตรอยู่บางส่วน มีมูลค่าโครงการ 1,624 ล้านบาท โดยมีมูลค่าที่ขายได้ 437 ล้านบาท

            2. มายสตอรี่ (My Story) เขตลาดพร้าว มีขนาด 3,200 ตารางวาหรือ 8 ไร่ พัฒนาแล้วเสร็จ 100% แล้ว เป็นโครงการอาคารชุด 8 ชั้น เปิดตัวเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2556 ส่วนใหญ่ขายอยู่ที่ขนาด 33 ตารางเมตร มี 624 หน่วย ขายเหลือเพียง 156 หน่วย มีมูลค่าโครงการ 1,429 ล้านบาท ส่วนที่ขายไปแล้วเป็นมูลค่าถึง 1,072 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีห้องชุดขนาด 56.5 ตารางเมตรอยู่ 32 หน่วย และขายหมดแล้วเช่นกัน

            3. Than Living (แดน ลิฟวิ่ง) เขตวังทองหลาง เป็นโครงการขนาดใหญ่ 3,382 ตารางวา หรือราว 8.455 ไร่ เป็นห้องชุดสูง 21 ชั้น มีหน่วยขายราว 800 หน่วย ขายเริ่มต้นที่ราคา 2.327 ล้านบาท จนถึง 8.8 ล้านบาทต่อหน่วย ส่วนใหญ่ขายไปแล้ว โครงการนี้ก็ถือว่าก่อสร้างแล้วเสร็จเช่นกัน

            4. แดนลิฟวิ่ง พระราม 9ฯ เขตสวนหลวง มีขนาดที่ดิน 1,227 ตารางวา หรือ 3 ไร่เศษ เป็นห้องชุดสูง 28 และ 32 ชั้น อาคาร A พัฒนาไปแล้ว 20% ส่วนอาคาร B ยังไม่ได้พัฒนา และเปิดขายในช่วงเดือนมีนาคม 2558 และกรกฎาคม 2559 ขายในราคา 2.122 ล้านบาท จนถึง 13.834 ล้านบาท แต่สินค้าส่วนใหญ่ขายในราคา 2.706 ล้านบาท ส่วนใหญ่ก็ขายไปแล้ว

            5. แดน ลิฟวิ่ง สาทร-เจริญราษฎร์ เขตบางคอแหลม เป็นห้องชุดสูง 36 ชั้น พัฒนาไปแล้วประมาณ 40% มีขนาดส่วนมากอยู่ที่ 37 ตารางเมตร จำนวน 389 หน่วย ขายเหลือเพียง 7 หน่วย อีกส่วนหนึ่ง 117 หน่วย ขายในราคา 7.287 ล้านบาท และขายไปเหลือเพียง 9 หน่วยเท่านั้น

            รวมทั้ง 5 โครงการ มีหน่วยขายทั้งหมดถึง 3,675 หน่วย ขายไปแล้ว 2,331 หน่วย เหลือขายอยู่ 1,344 หน่วย โดยเฉลี่ยขายที่หน่วยละ 3.283 ล้านบาท มูลค่าการพัฒนาของบริษัทนี้เป็นเงินรวม 12,063 ล้านบาท และส่วนที่มีผู้ซื้อไปแล้ว รวมมูลค่าถึง 8,288 ล้านบาท การยึดทรัพย์และไม่สามารถพัฒนาต่อไปได้ จึงทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ซื้อห้องชุดเป็นอย่างยิ่ง

            ปัญหานี้ ดร.โสภณ ตั้งข้อสังเกตว่า หากโครงการนี้ได้มีการปฏิบัติตาม พระราชบัญญัติการดูแลผลประโยชน์ของคู่สัญญา พ.ศ.2551 ปัญหาก็จะไม่เกิดขึ้น (http://bit.ly/2kjQhEB) หากผู้ประกอบการถูกยึดทรัพย์หรือมีอันเป็นไปในทางใดทางหนึ่ง เงินดาวน์ของผู้ซื้อส่วนนี้ ก็จะไม่ถูกยึดไปด้วย ต้องคืนให้กับผู้ซื้อเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตามโดยที่ พ.ร.บ.นี้ เปิดช่องโหว่ให้ทำสัญญากันก็ต่อเมื่อผู้ประกอบการพัฒนาที่ดินในฐานะผู้ขายและผู้ซื้อเห็นร่วมกันเท่านั้น ไม่ได้บังคับ จึงทำให้ผู้ประกอบรายใหญ่ไม่ยอมทำสัญญานี้ รายเล็กก็เลยทำตามเพราะจะได้ไม่เสียค่าธรรมเนียม เป็นการลดต้นทุนประการหนึ่ง แต่เมื่อเกิดปัญหาขึ้น ก็ทำให้ผู้ซื้อขายพบกับปัญหาเช่นนี้

            ดร.โสภณ จึงเสนอให้รัฐบาลแก้ไข พ.ร.บ.นี้ ซึ่ง (แสร้ง) ทำท่าแก้ไขมานานแล้ว แต่ก็ "ยักลึกติดกึก ยักตื้นติดกัก" แก้ไขไม่ได้เสียที หากรัฐบาลสามารถบังคับให้ผู้ประกอบการพัฒนาที่ดินต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.นี้ ก็จะทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยมีความมั่นคง น่าเชื่อถือมากขึ้น ผู้ประกอบการทุกรายได้รับความไว้วางใจเพราะมีการคุ้มครองผู้บริโภคเหมือนกัน แต่โดยที่ขณะนี้ไม่มีการบังคับใช้ พ.ร.บ.นี้ ผู้ประกอบการรายใหญ่จึงสามารถใช้ชื่อเสียง ได้เปรียบในเชิงการตลาดและการขายต่อรายย่อย ดังนั้น หากมีการบังคับใช้ พ.ร.บ.นี้ก็จะทำให้มีการแข่งขันอย่างเท่าเทียมเพื่อผู้บริโภคยิ่งขึ้น

            วัวหายล้อมคอกก็ยังดี ช่วยผู้ซื้อบ้านด้วยครับบิ๊กตู่


 


 


 


 

อ่าน 6,743 คน
2024 Copyright © by area.co.th All Rights Reserved