สร้างสำนึกรู้คุณและรับใช้ประชาชน
  AREA แถลง ฉบับที่ 205/2558: วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม 2558

ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส sopon@area.co.th https://www.facebook.com/dr.sopon4

            มาร่วมกันสร้างสำนึกรู้คุณและรับใช้ประชาชน ให้เกิดขึ้นในหมู่นักเรียน นักศึกษาและข้าราชการทุกหมู่เหล่า เพื่อจะได้ไม่ทรยศ คดโกงประชาชน ด้วยความตระหนักรู้ด้านค่าใช้จ่ายทางการศึกษาที่ได้รับการอุดหนุนจากประชาชน โดยเฉพาะประชาชนคนเล็กคนน้อยที่ร่วมกันเสียภาษีเป็นหลัก ไม่ใช่ภาษีจากคนรวยส่วนน้อยเป็นหลัก

            ตามที่มีข่าวว่า "ปิ๊งไอเดียอีก! บิ๊กตู่ สั่ง ศธ. ทำกลุ่มวิชา 'เสริมสร้างความเข้มเเข็งประเทศ' สอนเด็ก" (http://goo.gl/xo9wU4) นั้น ปรากฏมีรายละเอียดว่า "นอกจากโครงการโตไปไม่โกงแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ มีความประสงค์จะให้มีวิชาใหม่ นั่นคือกลุ่มวิชาเสริมสร้างความเข้มแข็งของประเทศ เพื่อให้เด็ก เยาวชน มีความสำนึก ตระหนักรู้ถึงหน้าที่พลเมืองและสิทธิ สร้างเสริมให้ประเทศมีความเข้มแข็ง"

            ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ในฐานะกรรมการในคณะกรรมการความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR: Corporate Social Responsibility) หอการค้าไทย และเป็นผู้บรรยายด้าน CSR ในระดับปริญญาโทและปริญญาเอกในสถาบันอุดมศึกษาชั้นนำ มีความเห็นว่า แนวทางการรณรงค์โตไปไม่โกงและการให้รู้จักสิทธิและหน้าที่ของนักเรียนนั้น ไม่ได้อยู่ที่การส่งเสริมแนวคิดด้านศีลธรรม หรือเอาความเชื่อทางศาสนามารณรงค์ เพราะอาจมีประเด็นอ่อนไหวทางด้านศาสนาได้

            การที่จะรณรงค์โตไปไม่โกงหรือการมีสึกนึกตระหนักรู้ถึงหน้าที่พลเมืองและสิทธินั้น ต้องให้นักเรียน ตลอดจนข้าราชการทุกภาคส่วนได้ตระหนักถึงบุญคุณของประชาชนผู้เสียภาษี จะได้มีจิตใจ "รับใช้ประชาชน" อย่างแท้จริง  โดยนำตัวเลขมาพิจารณาอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ ดังนี้:

            1. จำนวนนักเรียนนักศึกษาทั่วประเทศ ณ ปี 2556 ซึ่งเป็นข้อมูลล่าสุดที่หาได้ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ มีถึง 13,606,743 คน (http://goo.gl/ysQwqQ)
            2. ในแต่ละปีรัฐบาลใช้จ่ายเงินเพื่อการศึกษาเป็นจำนวนมาก เช่น จากข้อมูลของสำนักงบประมาณ งบประมาณด้านการศึกษาในปี 2556 คิดเป็นเงินถึง 493,892 ล้านบาท (http://goo.gl/rufUVu)
            3. โดยนัยนี้ นักเรียนนักศึกษาคนหนึ่งใช้เงินงบประมาณแผ่นดินเพื่อการศึกษาเป็นเงินถึง 36,298 บาท เงินจำนวนนี้ นักเรียน นักศึกษาอาจไม่ได้เป็นเงินสด แต่ก็คือค่าจ้างครูอาจารย์ ค่าก่อสร้างอาคารเรียน ค่าคุรุภัณฑ์ อุปกรณ์การศึกษาและอื่น ๆ รวมกันนั่นเอง
            4. สำหรับการศึกษาในชั้นก่อนอุดมศึกษานั้น นักเรียนคนหนึ่ง ๆ คงใช้เงินปีละไม่เกิน 5,000 บาท ส่วนนักศึกษาในระดับอุดมศึกษาเฉลี่ยอาจเป็นเงินปีละ 15,000 บาท (Eduzone: https://goo.gl/VqjiK3) ยกเว้นนักศึกษาแพทย์ วิศวกร นักศึกษาอาจจ่ายค่าเล่าเรียนสูงกว่านี้
            5. ดังนั้นจึงจะเห็นได้ว่าในการเรียนแต่ละปีตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงมัธยมศึกษา รัฐบาลออกเงินให้เป็นส่วนใหญ่ ในระดับอุดมศึกษา รัฐบาลก็ออกเงินให้ราว 2 เท่าของค่าใช้จ่ายที่นักศึกษาแต่ละคนออก โดยนัยนี้ นักเรียน นักศึกษาส่วนใหญ่จึงเป็นหนี้บุญคุณต่อประชาชนที่เสียภาษีให้ อย่างไรก็ตามบางท่านอาจเรียนโรงเรียนหรือสถาบันอุดมศึกษาเอกชน แต่ทางราชการก็ให้เงินสนับสนุนทั้งทางตรงและทางอ้อมให้กับสถานศึกษาเอกชนเช่นในด้านการพัฒนาบุคลากร และอื่น ๆ เป็นจำนวนมากเช่นกัน

            เพื่อให้ได้ฐานเดียวกัน ในที่นี้จึงใช้ข้อมูลรายได้ของประเทศไทยแยกตามประเภทของภาษีประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2556 (http://goo.gl/8K05Ym) ดังนี้:

          ภาษีส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากบริษัทห้างร้านหรือประชาชนผู้เสียภาษีทางตรงนั้น  นั่นเป็นความเข้าใจผิด จากยอดรายได้ของประเทศไทยทั้งหมดประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2556 จำนวน 2,571,421 ล้านบาท ภาษีนิติบุคคลเก็บได้เพียง 23% ของภาษีทั้งหมด ส่วนภาษีบุคคลธรรมดามีเพียง 12% เท่านั้น รายได้อันดับหนึ่งของประเทศมาจากภาษีมูลค่าเพิ่มซึ่งมีสัดส่วนสูงถึง 27%
          ส่วนที่ว่ากรุงเทพมหานครเสียภาษีมากกว่าเพราะมักเป็นแหล่งผลิตสุดท้ายหรือแหล่งส่งออก จึงทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติสูงถึง 44% ของรายได้ประชาชาติโดยรวม แต่ไม่ได้หมายความว่าบริษัทห้างร้านหรือคนในกรุงเทพมหานคร เป็นผู้เสียภาษีมากกว่าประชาชนในชนบทแต่อย่างใด
          อาจกล่าวได้ว่า ประชาชนทั่วประเทศส่วนใหญ่เสียภาษีทางอ้อมต่าง ๆ เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีปิโตรเลียม ภาษีสรรพสามิต ฯลฯ ดังนั้นประชาชนส่วนใหญ่ทั่วประเทศซึ่งไม่ใช่คนร่ำรวยแต่เป็นคนธรรมดาจำนวนหลายสิบล้านคน จึงเสียภาษีมากกว่าบุคคลธรรมดาที่ร่ำรวย
          อันที่จริงนิติบุคคลต่างๆ (ยกเว้นบริษัทมหาชนซึ่งมีไม่กี่ร้อยแห่ง) มักเลี่ยงภาษีในรูปแบบต่าง ๆ หรือเสียภาษีให้น้อยที่สุด แม้แต่มอเตอร์ไซค์รับจ้าง แท็กซี่ ยังอาจเสียภาษีมากกว่าคนรวย เพราะพวกเขาต้องเสียภาษีล้อเลื่อน (จักรยานยนต์ รถยนต์รายปี) ส่วนคนร่ำรวย มีที่ดินอยู่จำนวนมหาศาล มูลค่านับร้อย นับพัน นับหมื่นล้านบาท ก็แทบไม่เคยเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างอะไรเลย
            โดยนัยนี้ ผู้ที่มีบุญคุณต่อนักเรียนนักศึกษามากที่สุดก็คือประชาชนคนเล็กคนน้อยที่เสียภาษีผ่าน VAT และอื่น ๆ มากกว่าคหบดีที่อ้างตนว่าเสียภาษีทางตรงเฉพาะรายสูงกว่าประชาชนทั่วไป ดังนั้นเป้าหมายการศึกษาของเราจึงควรมุ่งไปที่การรับใช้ประชาชน อย่างไรก็ตามในปัจจุบัน แนวคิดการศึกษาเพื่อรับใช้ประชาชนนั้น แทบไม่เคยมีใครสอนในสถาบันอุดมศึกษายุคใหม่ นี่แสดงว่าเราขาดการทดแทนคุณต่อประชาชนและประเทศชาติ

            การรับใช้ประชาชนมีหลายมิติ แต่สิ่งที่ควรพิจารณาในด้านอุดมการณ์ก็คือทุกคนต้องตระหนักถึงภาระนี้ ให้เห็นว่าผู้มีบุญคุณที่แท้จริงคือประชาชนผู้เสียภาษี หาใช่ใครอื่น เราต้องมีหลักยึดที่การทำดีต่อชาติและประชาชน มุ่งสร้างสรรค์ให้ดี ไม่ใช่ดูแต่ตัวเอง (เป็นพวก Self-centredness) ประเภท "พอถูกตะปูตำเท้าตัวเดียว ก็ (เจ็บปวดนึกถึงแต่ตนเอง) จนลืมโลกไปได้ทั้งโลก" เป็นต้น

            ในแง่ปฏิบัติก็คือ
            1. ต้องทำธุรกิจหรือทำงาน ทำตัว ให้ถูกต้องตามกฎหมาย จะเลี่ยงกฎหมาย ฉ้อฉลไม่ได้ เพราะเท่าก้บโกงประชาชน
            2. ต้องมีจรรยาบรรณนักธุรกิจ นักวิชาชีพ ข้าราชการ ฯลฯ จะหลีกเลี่ยงเพื่อเอาประโยชน์ตนถ่ายเดียวไม่ได้
            3. ต้องบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม บริจาค ทำดีด้วยแรงที่เป็นการรับใช้ประชาชน รับใช้สังคมอย่างชัดเจนไม่ใช่ทำดีเอาหน้า หรือแทบไม่เคยทำดี

            เราต้องปลูกฝังอุดมการณ์รับใช้ประชาชนตั้งแต่เด็ก ส่งเสริมให้นักเรียนนักศึกษาจำให้ขึ้นใจว่าผู้มีพระคุณที่แท้จริงของพวกเขาคือประชาชนที่ทำให้เขาได้เรียน จะได้แทนคุณประชาชน แทนคุณแผ่นดิน ที่สำคัญต้องไม่ทรยศต่อประชาชนและประเทศชาติ ไม่ใช่มุ่งแต่กอบโกยเพื่อตนเองซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของวงจรอุบาทว์ทำลายชาติ การรับใช้ประชาชนและประเทศชาติเป็นพันธกิจอันศักดิ์สิทธิ์ของนักศึกษา การเริ่มต้นคิดเพื่อส่วนรวม ย่อมเป็นมงคลต่อตนเอง และทำให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืนในที่สุด

            คงต้องปิดท้ายด้วยเพลง “เป้าหมายการศึกษา” ซึ่งแต่งโดยคุณนเรศ นโรปกรณ์ ความว่า:

            “เพียงหวังจะเฟื้องฟุ้ง หรือจะมุ่งมาศึกษา
เพียงเพื่อปริญญา เอาตัวรอดเท่านั้นฤา
แท้ควรสหายคิด และตั้งจิตร่วมยึดถือ
รับใช้ประชาคือ ปลายทางเราที่เล่าเรียน”

            ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ควรนำคณะทำพิธีกราบเท้าประชาชนคนเล็กคนน้อยผู้เสียภาษีทุกปีเพื่อรณรงค์จิตสำนึกรับใช้ประชาชน ไม่ทรยศประชาชนนั่นเอง

อ่าน 3,210 คน
2024 Copyright © by area.co.th All Rights Reserved