นายกฯ ไม่เข้าใจคำว่า Market Niche
  AREA แถลง ฉบับที่ 8/2559: วันศุกร์ที่ 08 มกราคม 2559

ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส sopon@area.co.th https://www.facebook.com/dr.sopon4

          นายกฯ ประยุทธ์ คงไม่เข้าใจคำว่า "Market Niche" ท่านจึงแนะให้ชาวสวนยางปลูกกล้วยหอมทองหรือสตรอเบอรี่เพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของราคายาง เพราะคงเป็นแค่ข้อยกเว้น ถือเป็นสรณะไม่ได้ ถ้าทุกคนแห่ไปลูกก็คงเจ๊งอีก คล้ายกับเมื่อกลางปี 2558 ที่ท่านไล่ชาวนาให้ไปปลูก ‘หมามุ่ย’ ที่ใช้ทำยาปลุกเซ็กส์ที่ใช้สำหรับคนเฉพาะกลุ่ม แทนการปลูกข้าว

          เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2559 นายกฯ ประยุทธ์ ได้ให้สัมภาษณ์โดยแนะให้ชาวสวนยางพาราปลูกสตรอเบอรี่และกล้วยหอมในสวนยาง (http://bit.ly/1n71qIZ) ทั้งนี้คงเป็นเพราะท่านได้ไปดูงาน-ตรวจเยี่ยมบ้านนายวิสูตร คันทรักษา เกษตรกรชาวสวนยางพารา หมู่ที่ 4 ตำบลท่าเรือ อำเภอบ้านนาเดิม จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตามข่าวเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2558 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามการปลูกสินค้าเฉพาะนี้ก็อาจยังไม่เสถียร ท่านจึงยัง "แนะนำให้หาวิธีการแปรรูปหลายอย่าง และขยายตลาดรองรับ (และ) . . . ยังแนะนำว่าหากมีปัญหาสามารถปรึกษาสหกรณ์จังหวัด" (http://bit.ly/1S7fmzg)

          ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ให้ความเห็นว่า ในแง่หนึ่งก็เป็นคำแนะนำที่ดีที่ให้พยายามช่วยตนเอง แสวงหารายได้ทางอื่นบ้าง แต่ในอีกแง่หนึ่ง ก็แสดงว่า นายกฯ ประยุทธ์คงไม่เข้าใจกลไกตลาด การปลูกกล้วยหอมทองนี้ คงทำได้บางส่วน ไม่สามารถนำไปเป็นแบบแผนที่จะใช้ได้ทั่วไป (http://bit.ly/22OlPD0) หากผลิตกันมาก ๆ ก็คงล้นตลาดเพราะมีตลาดจำกัด

          ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี แต่เป็นในอำเภอท่าชนะ ก็เคยมีสินค้าโอทอปคือกล้วยหอมทอง โดยกลุ่มแม่บ้านกล้วยหอมทองเพื่อการส่งออก ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 195/264 หมู่ที่ 6 ต.คลองพา อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี 84170 โดย

ได้รวมกันเองในหมู่บ้าน ซึ่งมีสมาชิกทั้งหมด 52 คน และได้เลือกคณะกรรมการบริหารกลุ่มโดยได้ดำเนินการมานับสิบปีแล้ว สมาชิกแต่ละคนนำผลผลิตมารวมที่กลุ่มเพื่อเตรียมส่งออกประเทศญี่ปุ่น ในขณะที่อาชีพหลักคือการทำสวนยางพารา (http://bit.ly/22OlPD0)

          ก่อนหน้านี้ นายกฯ ประยุทธ์ ก็เคย "แนะคนไทย 'อย่าโง่' ปลูกพืชกำไรน้อย หนุนปลูกพืชสมุนไพรสร้างรายได้ ชูแปรรูป 'หมามุ่ย' ราคาพุ่ง กก.ละ 8 หมื่น. . .วันนี้รัฐบาล ได้สนับสนุนการปลูกพืชสมุนไพร ในเมื่อเราไม่สามารถปลูกข้าวได้ ก็จะให้กระทรวงสาธารณสุข เข้าไปดูแลว่าจะปลูกพืชสมุนไพรได้หรือไม่ (http://bit.ly/1jHHpqi) ซึ่งกรณีนี้สะท้อนว่าท่านยังไม่เข้าใจ Market Niche หรือการตลาดเฉพาะกลุ่ม อย่างไรก็ตามการวิจารณ์ในข้อนี้ ไม่ได้มุ่งหวังในด้านการเมือง แต่ต้องการชี้ให้เห็นถึงแนวคิดในเชิงวิชาการเกี่ยวกับการตลาด

          ดร.โสภณ กล่าวว่า แม้ตลาด "หมามุ่ย" จะดี แต่ก็เป็นตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ที่ชาวนาไทย หรือใครต่อใครจะหันมาปลูกหมามุ่ยแทนข้าวหรือพืชเศรษฐกิจได้ หรือแม้จะมีตลาดเฉพาะทางด้านอื่น ๆ นอกจากหมามุ่ย ก็ยังถือเป็นข้อยกเว้น และข้อยกเว้นคงไม่ใช่สรณะ (Exception cannot be made rule/norm) เพราะมีจำนวนลูกค้าจำกัด สินค้าอุปโภคบริโภคกับสินค้าเฉพาะทางคงทดแทนกันไม่ได้ ตลาดกล้วยหอมทองที่จะส่งไปญี่ปุ่นหรือที่อื่นบ้าง ก็คงมีตลาดจำกัดเช่นกัน

          ในโลกธุรกิจมีคำอธิบายมากมายเกี่ยวกับ Niche Market ในที่นี้ ดร.โสภณ ใช้คำอธิบายจาก INCquity (http://goo.gl/U4HeVO) ซึ่งเขียนให้เข้าใจได้ง่าย ๆ ว่า "Niche Market คือการขายสินค้าให้กับคนเฉพาะกลุ่ม ถ้าสินค้าของเราขายให้กับคนทุกเพศ ทุกวัย ทุกระดับชั้น อย่างนี้ไม่ถือว่าเป็น Niche Market ถ้าตลาดเป้าหมายตามปกติเปรียบเหมือนเค้กชิ้นหนึ่ง Niche Market ก็เปรียบเหมือนกับเศษเสี้ยวหนึ่งของเค้กชิ้นนั้น อย่างเช่น สินค้าประเภทเสื้อผ้าเครื่องประดับอาจมีกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่ Niche Market จะจับกลุ่มที่เฉพาะเจาะจงลงไปอีก เช่น กลุ่มผู้หญิงที่รูปร่างอ้วนและน้ำหนักเกินมาตรฐาน"

          ในโลกการตลาดอสังหาริมทรัพย์ก็เช่นกัน มีช่องทางตลาดใหม่ ๆ หรือตลาดเฉพาะกลุ่มที่น่าสนใจ เช่น ตลาดคนโสด ตลาดอสังหาริมทรัพย์ตากอากาศเฉพาะกลุ่ม ตลาดบ้านเช่าฝรั่งทรงไทย ตลาดบ้านชาวรักร่วมเพศ (ถ้ามี) เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีโครงการอาคารชุดใกล้มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญที่มีผู้ซื้อไว้ปล่อยเช่าได้ราคาดี ก็ถือเป็น Market Niche หรืออย่าง "คอนโดฯ ธรรมะ" สำหรับชาววัดใกล้วัดธรรมกาย ขายให้กับชาววัดนับแสน ๆ รายที่ไปที่วัดดังกล่าวทุกสัปดาห์ เป็นต้น

          ท่านนายกฯ คงเข้าใจเฉพาะด้านดีของ Niche Market ว่า "คู่แข่งในตลาด Niche Market มีน้อย เผลอๆ อาจไม่มีเลยก็ได้เพราะขนาดตลาดเล็กเกินไป จึงไม่ดึงดูดผู้เล่นรายใหญ่ๆ. . .ดังนั้นหากเราค้นพบตลาดนี้และสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้ได้ ก็จะกลายเป็นผู้นำตลาดได้อย่างง่ายดาย และที่สำคัญเราไม่จำเป็นต้องลงทุนเยอะ หากมีทรัพยากรและทุนที่จำกัด เพราะการทำ Niche Market จะช่วยประหยัดแรงงาน แรงเงินได้ค่อนข้างมากเมื่อเทียบกลับการลงทุนในกลุ่มการตลาดใหญ่ๆ"

          อย่างไรก็ตามท่านอาจไม่ทราบว่าถ้าใครต่อใครหันมาเลียนแบบกันทำตลาดแบบนี้ ก็จะพากันลงเหวอย่างแน่นอน เข้าทำนองอย่างที่มีสโมสรหรือสนามกีฬาแบบบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นการริเริ่มและแนวคิดที่ดี แต่ถ้าใครต่อใครหันมาทำแบบเดียวกันหมด ก็คงไม่มีความแตกต่าง และเต็มไปด้วยการแข่งขันและพากัน "เจ๊ง" กันไปหมดอย่างแน่นอน การแนะนำประชาชนไปในแนวทางเดียวกันแบบนี้จึงเป็นการสร้างความเสี่ยงเป็นอย่างยิ่ง


ที่มา: http://chefindemand.com/nichesecrets/wp-content/uploads/2014/11/Target-Market.jpg

อ่าน 2,843 คน
2024 Copyright © by area.co.th All Rights Reserved