10 หัวข้อที่น่าเคารพของพระพุทธ
  AREA แถลง ฉบับที่ 268/2560: วันอังคารที่ 11 กรกฎาคม 2560

ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส sopon@area.co.th https://www.facebook.com/dr.sopon4

            เนื่องในวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา AREA แถลงฉบับนี้จึงนำเสนอบทความของ ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย (www.area.co.th)


ที่มาของรูป: http://board.palungjit.org/8226138-post1.html

            ผมได้อ่านหนังสือ "คือเมฆสีขาว ทางก้าวเก่าแก่ วรรณกรรมพุทธประวัติในทัศนะใหม่" ที่แปลมาจากหนังสือ "Old Path White Clouds: Walking in the Footsteps of the Buddha" ซึ่งเป็นหนังสือพุทธประวัติที่เขียนโดยภิกษุ ติช นัท ฮันห์ และได้รับการถ่ายทอดเป็นภาษาไทยโดย คุณรสนา โตสิตระกูล และคุณสันติสุข โสภณสิริ จัดพิมพ์โดยมูลนิธิโกมลคีมทอง

            ความน่าเคารพของพระพุทธนั้น สุดยอดมากเท่าที่ผมพอจะมีปัญญาแหงนมองเห็น ดังนี้:

            1. พระพุทธละทิ้งโอกาสการเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกตามที่เคยมีพราหมณ์ทำนายไว้ พระองค์ยินดีที่จะค้นหาสัจธรรมมาโปรดสรรพสัตว์จนเป็นประโยชน์และยืนยงมาถึงทุกวันนี้ นี่แสดงถึงความยิ่งใหญ่กว่าการเป็นกษัตริย์

            2. พระพุทธทรงตระหนักดีว่ากษัตริย์ไม่มีอำนาจที่จะแก้ไขปัญหาสังคม อำนาจของกษัตริย์เปราะบางและมีอยู่อย่างจำกัด ในสมัยนั้น แม้พระเจ้าสุทโธทนะจะทราบว่าขุนนางละโมบและฉ้อราษฎร์บังหลวง แต่ก็จำต้องอาศัยพวกขุนนางทุจริตเหล่านี้รักษาบัลลังก์ ขุนนางเหล่านี้ต่างก็ขับเคี่ยวกันเพื่อมุ่งปกป้องและสร้างฐานอำนาจของตนเอง ไม่ใช่มุ่งขจัดความทุกข์ยากให้ผู้ยากไร้

            3. พระพุทธที่เป็นมนุษย์ผู้กลายเป็นศาสดานี้ มีความสามารถเอกอุเพราะศึกษาจนรอบรู้ เก่งคณิตศาสตร์และศาสตร์อื่นๆ รวมทั้งศิลปกีฬาอย่างหาใครเทียบไม่ได้ นี่คือการพิสูจน์ชัดว่าเก่งจริงไม่ได้อวย ก่อนตรัสรู้ก็ยังน้อมใจเป็นศิษย์ในหลายสำนัก นี่แสดงชัดว่าผู้ที่จะบรรลุธรรมได้ต้องศึกษาอย่างจริงจังต่อเนื่องจนรอบรู้และรู้แจ้ง เพื่อนำความรู้มาสังเคราะห์ด้วยตนเองในที่สุด ลำพังการบำเพ็ญเพียรในป่า หรือการยึดถือแต่คัมภีร์ ไม่ใช่หนทาง (เดียว) ที่จะบรรลุธรรมได้ หากต้องมีความรอบรู้อย่างยิ่งยอดในความเป็นจริงที่อเนกอนันต์ของชีวิต

            4. คำสอนของพระพุทธสุดยอด ท่านสอนว่าบุคคลไม่สามารถข้ามพ้นจากอวิชชาโดยการสวดอ้อนวอนและยัญบูชาอย่างงมงาย และไม่อาจกำจัดความโกรธความกลัวได้ด้วยการเก็บกดความรู้สึก ต้องใช้ปัญญาให้เกิดการรู้จริงถึงต้นเหตุปัญหา คำสอนของพระพุทธเป็นเป็นมรรควิธีแห่งการปฏิบัติ มิใช่เป็นคัมภีร์หรืออะไรที่มีไว้สำหรับยึดถือหรือบูชา คำสอนของพระพุทธนั้นไม่ใช่สิ่งลี้ลับยากเย็น เพราะแม้แต่เด็ก ๆ วรรณะจัณฑาลผู้ไม่มีการศึกษา ก็ยังฟังเข้าใจ

            5. พระพุทธเน้นความเป็นวิทยาศาสตร์โดยกล่าวว่า หากการหมายรู้ของบุคคลถูกต้องแม่นยำ (ด้วยการใช้ข้อมูล ความรู้ และปัญญา) ความจริงก็จะปรากฏ พระพุทธสอนให้เชื่อและยอมรับสิ่งที่สอดคล้องกับมโนธรรมสำนึก สิ่งที่บัณฑิตผู้มีคุณธรรมและปัญญายอมรับและสนับสนุน และสิ่งที่เมื่อปฏิบัติแล้วสามารถยังประโยชน์และความสุขแก่ทุกฝ่าย

            6. พระพุทธไม่ยึดติดว่าต้องถูกต้องเสมอ พระพุทธเคยแก้ไขคำพูดของพระองค์ให้ถูกต้อง กล่าวคือ ครั้งหนึ่งแนะนำให้พระอหิงสกะ (องคุลิมาล) บอกแก่หญิงผู้หนึ่งว่า ตั้งแต่พระอหิงสกะเกิดมา ไม่เคยประทุษร้ายชีวิตใด พอพระอหิงสกะทักว่า ถ้ากล่าวเช่นนั้นอาจตีความเป็นการพูดเท็จ พระพุทธจึงแนะให้พระอหิงสกะกล่าวใหม่ให้ชัดเจนว่า นับแต่วันที่ตนถือกำเนิดในอริยธรรม ไม่เคยประทุษร้ายชีวิตใดเลย เป็นต้น

            7. พระพุทธมีความรักที่แท้ที่ประกอบไปด้วยความปรารถนาดีและต้องการให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ หรือที่เรียกว่า เมตตาและกรุณา ซึ่งถือเป็นความงามประเภทเดียวที่ไม่จางหายและไม่ก่อให้เกิดความทุกข์  ข้อนี้แตกต่างจากสัจพจน์สำคัญว่า “ที่ใดที่รัก ที่นั่นมีทุกข์” เพราะหากสูญเสียสิ่งที่ผูกพันไป ก็เสียดาย โดยเฉพาะความรักและความยึดมั่นที่มีราคะ ตัณหา และความยึดติด เป็นสาระสำคัญ

            8. พระพุทธไม่เห็นแก่คนใกล้ชิด เช่น การระมัดระวังในการปฏิบัติต่อสงฆ์กลุ่มที่เป็นญาติโดยไม่ให้สิทธิพิเศษใด การเข้มงวดแม้กระทั่งภิกษุณีมหาปชาบดี หรือพระโอรส คือ พระราหุลก็ไม่เคยนอนในกุฏิเดียวกับพระพุทธ พระราหุลยังเคยปรารภว่าพระพุทธไม่เคยปฏิบัติต่อท่านอย่างชื่นชอบเป็นพิเศษ แต่พระอหิงสกะ (องคุลิมาล) กลับได้รับคำยกย่องอย่างสูงยิ่งในฐานะโจรกลับใจผู้มีความอดทนสูงส่ง เป็นต้น

            9. พระพุทธไม่นิยมเผด็จการ เป็นประชาธิปไตย คำสอนของพระพุทธไม่อิงกับศรัทธาความเชื่อที่ห้ามโต้แย้ง พระพุทธสอนให้เคารพเสรีภาพทางความคิดอย่างแท้จริง คำสอนหรือสิกขาบางข้อ พระพุทธก็อนุญาตให้ยกเลิกโดยที่ประชุมสงฆ์ส่วนใหญ่ ไม่ใช้ต้องตายตัวทั้งหมด

            10. พระพุทธเป็นนักปฏิวัติสังคม ทรงมุ่งสร้างความเท่าเทียมในหมู่ชน โดยแสดงออกด้วยการดื่มน้ำแก้วเดียวกับเด็กชายวรรณะจัณฑาลทั้งยังให้เด็กคนนั้นดื่มก่อน และยังรับคนจัณฑาลเข้ามาอยู่ในคณะสงฆ์ เมื่อตรัสรู้เป็นพระพุทธแล้วก็พนมมือ น้อมกายเป็นการตอบรับเป็นการขอบคุณ พระพุทธเคยช่วยเด็กวรรณะจัณฑาลตัดหญ้าด้วย หรือร่วมกับพระอานนท์ช่วยกันอุ้มภิกษุที่อาพาธขึ้นเตียงและเปลี่ยนจีวรให้ แล้วยังช่วยขัดถูพื้นกุฏิและซักจีวรที่เกรอะกรังดินของภิกษุ

            การที่มนุษย์ผู้หนึ่งสามารถบรรลุธรรม จนประกาศศาสนาให้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจมานับได้ 2560 ปีเช่นนี้ ทำให้เห็นชัดถึงศักยภาพของมนุษย์ที่สามารถพัฒนาตนเองให้ก้าวหน้าทั้งทางวัตถุและจิตใจอย่างอเนกอนันต์ได้ เราจึงต้องเชื่อมั่นในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่สามารถเป็นอิสระจากอวิชชาด้วยการศึกษาอย่างจริงจังและเป็นวิทยาศาสตร์ เพื่อนำมาสังเคราะห์ด้วยปัญญาให้รู้จริง

อ่าน 3,257 คน
2024 Copyright © by area.co.th All Rights Reserved