อ่าน 1,302 คน
AREA แถลง ฉบับที่ 67/2554: 9 สิงหาคม 2554
การเติบใหญ่ของบริษัทมหาชนด้านอสังหาริมทรัพย์

ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน
ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส

          บริษัทพัฒนาที่ดินที่เป็นบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์มีการเติบโตเป็นอย่างมากในหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งเท่ากับว่าบริษัทเหล่านี้มีแหล่งเงินทุนราคาถูก และที่ผ่านมามีกำไรเป็นอย่างดี ตลาดไม่ได้วิกฤติแต่อย่างใด การที่รัฐบาลจะคิดอุดหนุนตลาดอสังหาริมทรัพย์ จึงควรพิจารณาทบทวนให้รอบคอบ
          ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ได้เปิดเผยว่าในรอบ 6 เดือนแรกของปี 2554 มีหน่วยที่อยู่อาศัยขายได้รวมกันถึง 48,825 หน่วย แสดงว่าทั้งปี จะมีที่อยู่อาศัยขายได้ประมาณ 100,000 หน่วย เพราะโดยมากในไตรมาสที่ 4 จะมีการขายได้มากกว่าปกติ 
          ส่วนมากของที่อยู่อาศัยที่ขายได้ก็เป็นของบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์และบริษัทในเครือ ถึง 30,941 หน่วยหรือ 63% ของทั้งหมด หากพิจารณาในแง่มูลค่า จะพบว่า 62% ของมูลค่าที่อยู่อาศัยที่ขายได้ในครึ่งปีแรกปี 2554 เป็นเงิน 86,732 ล้านบาท โดย 62% เป็นสินค้าของบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ และบริษัทในเครือของบริษัทมหาชน
          ในกลุ่มหลัก ๆ เช่น บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ และห้องชุด ปรากฏว่า ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่ขายได้โดยบริษัทมหาชนเป็นสำคัญ เช่น ใมกรณีบ้านเดี่ยว บริษัทมหาชนและบริษัทในเครือขายได้ 5,397 หน่วย ในขณะที่บริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ขายได้เพียง 3,382 หน่วย ทาวน์เฮาส์ มีสัดส่วนเป็น 8,107 และ 6,473 หน่วย ยิงในกรณีห้องชุด ปรากฏว่า บริษัทมหาชนและบริษัทในเครือขายได้ถึง 16,636 หน่วย ในขณะที่บริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ขายได้เพียง 6,152 หน่วย
          อย่างไรก็ตามในกลุ่มเล็ก ๆ เช่น บ้านแฝด ตึกแถว และที่ดินจัดสรร บริษัทนอกตลาดหลักทรัพยืกลับมีสัดส่วนที่ขายได้มากกว่า แต่ทั้งนี้บ้านประเภทเหล่านี้มีจำนวนเพียงเล็กน้อยคือเพียง 5-6% ของที่อยู่อาศัยทั้งตตลาดโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ และห้องชุดพักอาศัย
          ปรากฏการณ์ที่บริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ขายได้มากกว่าบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ ก็เพราะพัฒนาที่ดินรายใหญ่ ๆ เกือบทั้งหมดต่างทะยอยเข้าเป็นบริษัทมหาชน จึงทำให้บริษัทเหล่านี้มีสัดส่วนในตลาดมากกว่าเมื่อ 10 ปีก่อน ที่มีจำนวนบริษัทมหาชนน้อยมาก ในปัจจุบัน บริษัทพัฒนาที่ดินในตลาดหลักทรัพย์มีอยู่จำนวน 43 แห่ง
          การที่บริษัทพัฒนาที่ดินอยู่ในตลาดหลักทรัพย์มากขึ้น ทำให้ต้นทุนทางการเงินต่ำลง เพราะมีเครื่องมือทางการเงินในการระดมทุนมากขึ้น ปัญหาการขาดแคลนเงินทุน และการกู้ยืมเงินเพื่อการพัฒนาโครงการจึงมีน้อย ตลาดอสังหาริมทรัพย์จึงมีเสถียรภาพมากขึ้น ดังนั้นจึงการที่รัฐบาลในอนาคตจะไปกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ จึงไม่ได้เป็นสิ่งจำเป็นแต่อย่างใด เนื่องจากในขณะนี้ยังไม่ได้เกิดวิกฤติแต่อย่างใด ปริมาณสินค้าที่ขายได้ในตลาด ยังถือว่ามีมากพอสมควร
          อย่างไรก็ตาม ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ได้เคยคาดการณ์ไว้แล้วว่า ตลาดที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อาจเกิดภาวะล้นตลาดในปี พ.ศ. 2556 เนื่องจากการเปิดตัวล้นเกินในช่วงปี 2553-2555 ซึ่งคาดว่าอาจมีปริมาณถึง 330,000 หน่วย ซึ่งเทียบได้กับประมาณ 7.2% ของที่อยู่อาศัยทั้งหมดในตลาดปัจจุบันในขณะที่จำนวนประชากรในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เกิดเพิ่มขึ้นเพียงปีละ 1% เท่านั้น ทั้งนี้การเพิ่มขึ้นของประชากร พิจารณาจากการเกิดสุทธิ (การเกิดรอดลบด้วยการเกิดไม่รอด) บวกด้วยการย้ายถิ่นสุทธิ (ย้ายเข้าลบด้วยการย้ายออก)

ผู้แถลง:
ดร.โสภณ พรโชคชัย (sopon@area.co.th) ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA (www.area.co.th) นอกจากนี้ยังเป็นกรรมการธรรมาภิบาลและความรับผิดชอบ ของสภาหอการค้าไทย http://www.facebook.com/pornchokchai

2024 Copyright © by area.co.th All Rights Reserved