นิทานคิดนอกกรอบ สำหรับชาวอสังหาฯ
  AREA แถลง ฉบับที่ 86/2564: วันศุกร์ที่ 29 มกราคม 2564

ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส sopon@area.co.th https://www.facebook.com/dr.sopon4

            โควิด-19 หรือโรคระบาดอื่นๆ ก็เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ แต่เราท่านเกิดไม่ทัน  มาในยุคนี้หลายคนอาจปรับตัวไม่ได้ ผมจึงขออนุญาตเอานิทานมาเล่าเพื่อการคิดนอกกรอบ (Thinking Out of Box) เสียหน่อย เพื่อการวางแผนอย่างแยบยลและเพื่อความสำเร็จในธุรกิจ (อสังหาริมทรัพย์หรืออื่นใด) และชีวิตของเราเอง

            นิทานเรื่องนี้เราท่านก็คงเคยได้ยินมาบ้างแล้ว แต่พอดีเพื่อนรักชาวอินเดียซึ่งเป็นศาสตราจารย์ ดร.ด้านอสังหาริมทรัพย์ในทางเดียวกับผม ส่งมาให้ ผมจึงขอเอาต้นฉบับนี้มาเผยแพร่ก็แล้วกัน (จะได้ไม่ซ้ำกับที่มีการเผยแพร่ในกรณีอื่นๆ)  เรื่องของเรื่องก็คือ

            เมื่อหลายร้อยปีก่อนในเมืองเล็ก ๆ ของอิตาลี มีพ่อค้าโชคร้ายรายหนึ่งที่ต้องจ่ายเงินจำนวนมากให้กับนายทุนเงินกู้  นายทุนคนนี้ทั้งแก่และทั้งน่าเกลียด แต่นายทุนคนนี้ก็ใฝ่ฝันที่จะได้ลูกสาวที่งดงามของพ่อค้าคนนั้น ดังนั้นเขาจึงเสนอข้อต่อรองพ่อค้าคนนั้นโดยบอกว่า เขาจะยกหนี้สินให้ทั้งหมดถ้าเขาสามารถจะแต่งงานกับลูกสาวของพ่อค้าจนๆ คนนั้นได้

            ทั้งพ่อค้าและลูกสาวของเขาต่างก็ตกใจกับข้อเสนอของนายทุนเงินกู้รายนี้  เงื่อนไขที่นายทุนเงินกู้เสนอก็คือเขาจะหยิบก้อนกรวดในสวนหลังบ้านของเขาซึ่งมีทั้งกรวดสีขาวและสีดำคละปนกันหมด โดยใส่ก้อนกรวดสีดำและก้อนกรวดสีขาวลงในถุงเงินเปล่าใบหนึ่ง  จากนั้นก็ให้ลูกสาวพ่อค้าคนนั้นหยิบก้อนกรวดก้อนหนึ่งจากถุงใบนั้น โดยหากเธอหยิบก้อนกรวดสีดำ เธอจะต้องกลายเป็นภรรยาของนายทุนเงินกู้คนนั้น และหนี้ของพ่อเธอก็จะหมดไป  แต่ถ้าเธอเลือกได้ก้อนกรวดสีขาว เธอก็ไม่จำเป็นต้องแต่งงานกับเขา และหนี้ของพ่อเธอก็จะหมดไปเช่นกัน  และถ้าเธอบ่ายเบี่ยงไม่ยอมทำตามกติกานี้ นายทุนคนนั้นก็จะไปแจ้งความที่พ่อของเธอไม่สามารถใช้หนี้ได้ และพ่อของเธอจะถูกจับเข้าคุก

            เมื่อถึงวันนัดหมาย ทั้งนายทุนเงินกู้ พ่อค้าและลูกสาวคนสวยของพ่อค้าต่างก็อยู่ในสวนของพ่อค้าโดยยืนอยู่บนทางเดินที่เต็มไปด้วยก้อนกรวด  ต่อมานายทุนเงินกู้ก็ก้มตัวลงหยิบก้อนกรวดขึ้นมาสองก้อนใส่ลงไปในถุง ลูกสาวพ่อค้าคนนั้นสังเกตเห็นว่านายทุนดังกล่าวหยิบก้อนกรวดสีดำสองก้อนแล้วใส่ลงในกระเป๋า ไม่ใช่ใส่ก้อนสีขาวและก้อนสีดำอย่างละก้อนตามข้อตกลง  จากนั้นนายทุนเจ้าเล่ห์คนนั้นก็ขอให้หญิงสาวหยิบก้อนกรวดจากกระเป๋า

            ถ้าเป็นเราท่านจะทำอะไรในฐานะที่เป็นผู้หญิงคนนั้น  จากการวิเคราะห์อย่างรอบคอบก็จะทำให้เกิดความเป็นไปได้สามประการ ได้แก่:

            1. เด็กสาวคนนั้นควรปฏิเสธที่จะเล่นตามกติกานี้

            2. เด็กสาวควรแสดงให้เห็นว่ามีก้อนกรวดสีดำสองก้อนอยู่ในกระเป๋าและเปิดเผยว่านายทุนเงินกู้เป็นคนโกง

            3. เด็กหญิงควรเลือกก้อนกรวดสีดำและเสียสละตัวเองเพื่อช่วยพ่อของเธอให้พ้นจากหนี้และโทษจำคุก

            เรื่องราวข้างต้นนี้ได้รับการนำมาใช้ด้วยความหวังว่าจะทำให้เราเห็นคุณค่าความแตกต่างระหว่างความคิดนอกกรอบและการวินิจฉัยเชิงตรรกะ

            ในที่สุดหญิงสาวก็สอดมือเข้าไปในถุงเงินเพื่อเลือกก้อนกรวด แล้วดึงก้อนกรวดออกมาโดยสายตาจับจ้องไปที่นายทุนดังกล่าวและพ่อของตน แต่แล้วก็แสร้งทำก้อนกรวดที่เลือกตกลงไปบนทางเดินที่มีก้อนกรวดทั้งสีขาวและสีดำปนกันอยู่  ทั้งพ่อค้าและนายทุนเงินกู้ก็ไม่ทันสังเกตว่าก้อนกรวดที่เธอแสร้งทำตกพื้นไปนั้นสีอะไร

            หญิงสาวกล่าวว่า “โอ้ ฉันช่างซุ่มซ่ามเหลือเกิน แต่ก็ไม่เป็นไรถ้าท่านมองเข้าไปในกระเป๋าเพื่อหาของที่เหลืออยู่คุณจะสามารถบอกได้ว่าฉันเลือกก้อนกรวดสีอะไร” เนื่องจากก้อนกรวดที่เหลืออยู่เป็นสีดำอย่างแน่นอน จึงต้องอนุมานเอาว่าเธอเลือกก้อนหินสีขาวนั่นเอง  และโดยที่นายทุนเงินกู้รายนั้นไม่กล้ายอมรับความไม่ซื่อสัตย์ของเขาเอง หญิงสาวจึงเปลี่ยนสิ่งที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ให้กลายเป็นสิ่งที่เป็นไปได้และเป็นฝ่ายมีชัยในที่สุด

            นิทานเรื่องนี้สอนให้เรารู้ว่าปัญหาที่ซับซ้อนมักมีทางแก้ไข  บางครั้งเราต้อง “มองต่างมุม” และ “คิดนอกกรอบ” (This is called as Thinking “out of Box”)

            ในห้วงวิกฤติย่อมมีทางออกเสมอ แต่เราจะคิดแบบทื่อๆ ไม่ได้ ขอให้ทุกท่านหาทางออกจากกล่องให้เจอ เพื่อฝ่าฟันอุปสรรคอย่างไรย่อท้อจนกว่าจะได้ชัยชนะ


ที่มาภาพประกอบ: https://images.app.goo.gl/aMT55kqkY17bthu56

 

 

อ่าน 2,341 คน
2024 Copyright © by area.co.th All Rights Reserved