ธุรกิจอาบอบนวด เป็นอย่างไรบ้าง
  AREA แถลง ฉบับที่ 433/2567: วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤษภาคม 2567

ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส sopon@area.co.th https://www.facebook.com/dr.sopon4

 

            มักมองว่าธุรกิจอาบอบนวดเป็นธุรกิจที่หมดอนาคตแล้ว จริงหรือไม่ มาลองพิจารณาดู แล้วถ้าไม่พัฒนาที่ดินเป็นอาบอบนวด เป็นอะไรดี

            ธุรกิจอาบอบนวดมีมากที่สุดในปี 2556 ถึง 527 แห่งในเขตกรุงเทพมหานครเพียงอย่างเดียว และในปี 2547 มีอยู่ 390 แห่ง แสดงว่ามีการเจริญเติบโตสูงมาก แต่ทั้งนี้สถานอาบอบนวดเหล่านี้ ส่วนหนึ่งรวมไปถึงสปาและอื่นๆ ที่มีขนาดใหญ่และที่เกี่ยวข้องด้วย จึงทำให้ตัวเลขดูสูงมาก

            อย่างไรก็ตามล่าสุด ณ ปี 2567 พบว่าในกรุงเทพมหานครมี “อาบอบนวด” แท้ๆ อยู่เพียง 71 แห่ง โดยเขตที่มีมากที่สุดก็คือ เขตดินแดง 19 แห่ง รองลงมาคือเขตห้วยขวาง 18 แห่ง เขตราชเทวีมี 9 แห่ง และเขตบางพลัดมี 4 แห่ง นอกนั้นก็กระจัดกระจายทั่วไป เช่น คลองหกวา บางกะปิ บางเขน บางคอแหลม ปทุมวัน พญาไท ภาษีเจริญ ยานนาวา วังทองหลาง วัฒนา สนวนหลวง วัฒนา สะพานสูงและสัมพันธวงศ์ โดยแบ่งเป็นเขตละ 1-2 แห่งเท่านั้น

            ส่วนในจังหวัดภูมิภาคมีอยู่อีก 29 แห่ง ประกอบด้วยชลบุรี มากที่สุด 6 แห่ง นครราชสีมา 4 แห่ง นอกนั้นมีเพียง 1-2 แห่งต่อจังหวัด อันได้แก่ กระบี่ ขอนแก่น จันทบุรี เชียงใหม่ นครปฐม นนทบุรี ภูเก็ต ระยอง สมุทรปราการ สระบุรี สุโขทัย สุราษฎร์ธานี สุรินทร์ อุดรธานี และอุบลราชธานี

 

            อาบอบนวดที่มีทุนจดทะเบียนสูงๆ 14 อันดับแรกได้แก่:

อันดับ จังหวัด เขต/อำเภอ ชื่อสถานอาบอบนวด ทุนจดทะเบียน (ล้านบาท)
1 กรุงเทพมหานคร เขตห้วยขวาง ยูโทเปีย เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ คอมเพล็กซ์ 300,000,000
2 กรุงเทพมหานคร เขตราชเทวี พลาซ่า 88 270,000,000
3 กรุงเทพมหานคร เขตห้วยขวาง ลา เบลล์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ คอมเพล็กซ์ 150,000,000
4 นนทบุรี เมืองนนทบุรี เวลธี พิลล่าร์ 100,000,000
5 กรุงเทพมหานคร เขตห้วยขวาง ทวีชัยสมบุญ 80,000,000
6 กรุงเทพมหานคร เขตบางพลัด เจ้าพระยาพาเลซ 64,000,000
7 กรุงเทพมหานคร เขตภาษีเจริญ เมลโรส พลาซ่า 36,000,000
8 กรุงเทพมหานคร เขตดินแดง เดอะ ลอร์ด สปา 35,000,000
9 จันทบุรี เมืองจันทบุรี บูรพา บารมี 30,000,000
10 กรุงเทพมหานคร เขตบางพลัด พี.79 15,000,000
11 กรุงเทพมหานคร เขตบางเขน โพธิ์วัชร 12,500,000
12 กรุงเทพมหานคร เขตพญาไท นทีทิพย์ 12,000,000
13 กรุงเทพมหานคร เขตดินแดง พี.พี.ที.เอส.คอนสตรัคชั่น 11,000,000
14 ชลบุรี บางละมุง เย็นสบาย 10,000,000
ที่มา: https://www.dataforthai.com/business/objective/96305  

            

 

            ในสถานประกอบการอาบอบนวด 527 แห่งในปี 2556 แต่ละแห่งอาจมีผู้ให้บริการประมาณ 50 คน หรือเป็นผู้ให้บริการรวมประมาณ 50,000 คน หากสมมติให้รายได้จากการนวดเป็นเงินคนละ 1,500 บาท โดยคนหนึ่งทำงานประมาณ 3 ครั้งต่อวัน ก็จะเป็นเงินประมาณ 82,125 ล้านบาทต่อปี แต่สำหรับผลการศึกษาเมื่อปี 2550 อาบอบนวดมีมูลค่าอยู่ที่ 23,803 ล้านบาท (http://bit.ly/2FKvX9G) อย่างไรก็ตามหากถือตามตัวเลขประมาณการล่าสุดหรือใน 10 ปีต่อมา (ปี 2560) โดยทั่วไปเจ้าของสถานที่น่าได้ประมาณ 50% ของสถานที่หรือราว 41,062.5 ล้านบาท หากสมมติต้องจ่ายส่วยหรือให้บริการฟรีแก่ "คนมีสี" ประมาณ 30% ก็คงเป็นเงิน 12,318.75  ล้านบาท

            อย่างไรก็ตาม ในเดือนธันวาคม 2559 จัดเก็บภาษีสถานอาบอบนวดได้ทั่วประเทศประมาณ 10.22 ล้านบาท (http://bit.ly/2rcRR1X) หากประมาณการทั้งปีคงเป็นเงินเพียง 122.64 ล้านบาท เงินนับหมื่นล้านบาทที่หายไปก็คือเงินนอกระบบนั่นเอง หากมีการเสียภาษีถูกต้อง เงินเหล่านี้น่าจะนำมารณรงค์การไม่เที่ยวผู้หญิง/ผู้ชาย รักษาพยาบาลและป้องกันโรคที่เกี่ยวข้องกับเพศสัมพันธ์ คุ้มครองผู้ให้และผู้ใช้บริการโดยตัดระบบการค้ามนุษย์ สร้างความโปร่งใสในธุรกิจ และทำให้สังคมมีทางระบายทางเพศ เพื่อประโยชน์ของความกลมเกลียวในครอบครัว (สำหรับคู่ครองจำนวนหนึ่ง) ฯลฯ

            การมีใบอนุญาตที่ถูกต้อง มีการควบคุมการค้าประเวณีที่ถูกกฎหมาย จะช่วยให้สังคมมีสุขและไม่เกิดปัญหา ไม่ต้องกลัวว่าจะทำให้เกิดการเที่ยวใช้บริการทางเพศมากขึ้น ประเทศที่มีการค้าประเวณีถูกกฎหมาย หรือมีบ่อนถูกกฎหมาย ก็ไม่ปรากฏว่ามีการเสพกันมากขึ้นแต่อย่างใด

            เมื่อพิจารณาในแง่การเงิน ในปัจจุบันโรงแรม 3 ดาวทั่วไปอาจมีอัตราการเข้าพัก 60% หากมีห้องพัก 100 ห้อง และมีรายได้สุทธิอยู่ที่ 1,000 บาท ก็จะเป็นเงินเดือนละ 1,800,000 บาทต่อเดือน  อย่างไรก็ตามหากเป็นในกรณีอาบอบนวด 100 ห้อง หากได้ค่าห้องสุทธิเพียง 600 บาทต่อห้อง (ตามภาวะตลาดในปัจจุบัน) แต่มีคนมาใช้บริการวันละ 1 รอบ ก็จะได้เงิน 1,800,000 บาท/เดือนเช่นกัน แต่รายได้ทางอื่น เช่น อาหารเครื่องดื่ม น่าจะได้มากกว่าโรงแรมทั่วไป ดังนั้นในชั้นนี้ โอกาสที่อาบอบนวดจะล้มหายตายจากไปจึงยังมาไม่ถึง หากยิ่งมีการผสานระหว่างการเป็นโรงแรมกับการเป็นโรงนวด การเป็นร้าน Spa (ชั้นค่อนข้างดี) ก็ยิ่งจะมีโอกาสมากขึ้นในการดำรงอยู่

            อย่างไรก็ตามหากราคาที่ดินเพิ่มสูงขึ้นเพราะตั้งอยู่ในทำเลดี ก็น่าจะขายกิจการทิ้งได้ เช่น ในกรณีโรงนวดหรือโรงแรมที่สร้างรายได้สุทธิได้เดือนละ 1,800,000 บาท หรือปีละ 21,600,000 ล้านบาท ก็จะมีมูลค่ารวม 270 ล้านบาท (ณ อัตราผลตอบแทนที่ 8%) หากที่ดินที่ตั้งโรงการมีขนาด 1.5 ไร่โดยประมาณ ก็เท่ากับเป็นที่ดินในราคา 450,000 บาทต่อตารางวา (ตัดทิ้งค่าสิ่งก่อสร้างและอื่นๆ) ดังนั้นหากราคาที่ดินเพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านบาทต่อตารางวา การขายกิจการทิ้งจึงจะดีกว่า ไม่ต้องยุ่งยากในการทำธุรกิจนี้ หรืออาจนำเงินไปทำธุรกิจอื่นก็ได้

            อย่างไรก็ตามธุรกิจอาบอบนวดก็ยังไม่ตายไปเสียหมด ยังมีอุปสงค์และอุปทานในสัดส่วนที่พอๆ กันอยู่

อ่าน 5,702 คน
2024 Copyright © by area.co.th All Rights Reserved