กาสิโน ตั้งตรงไหน ราคาที่ดินขึ้นกระฉูด
  AREA แถลง ฉบับที่ 999/2567: วันพุธที่ 20 พฤศจิกายน 2567

ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส sopon@area.co.th https://www.facebook.com/dr.sopon4

 

            ตามที่มีข่าวว่าจะมีการตั้งกาสิโนในพื้นที่ต่างๆ ในแต่ละพื้นที่จะทำให้ราคาที่ดินเพิ่มขึ้นมากเพียงใด ดร.โสภณฟันธงว่าราคาที่ดินจะขึ้นกระฉูดในพื้นที่เป้าหมายของกาสิโน

            ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) กล่าวถึงพื้นที่ที่น่าคาดว่าจะเกิดกาสิโน โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • กรุงเทพมหานครและปริมณฑล (อาจมี 2-3 แห่ง)
  • ภาคเหนือ ในจังหวัดเชียงราย หรือเชียงใหม่
  • ภาคกลาง ในเมืองพัทยา ซึ่งเป็นเขตพื้นที่ EEC
  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดอุบลราชธานี อุดรธานี และขอนแก่น
  • ภาคใต้ จังหวัดภูเก็ต พังงา และกระบี่

            หากพิจารณาจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในแต่ละจังหวัด จะพบว่าจังหวัดเหล่านี้มีความเหมาะสมแล้วที่จะตั้งกาสิโน ได้แก่:

  • กทม.-ปริมณฑล ซึ่งมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 27,110,381 คนในปี 2566
  • ชลบุรี ซึ่งมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 9,545,864 คนในปี 2566
  • ภูเก็ต ซึ่งมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 8,376,464 คนในปี 2566
  • เชียงใหม่ ซึ่งมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 2,922,701 คนในปี 2566

            อย่างไรก็ตามก็มีจังหวัดพังงา ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 1,844,567 คนในปี 2566 และกระบี่ ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 1,701,316 ในปี 2566 แต่โดยที่ทั้งพังงาและกระบี่ก็ตั้งอยู่ใกล้จังหวัดภูเก็ต การมีกาสิโนเพียงแห่งเดียวก็น่าจะพอเพียงแล้ว  ส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา (1,380,009 คน ก็ไม่ควรมีกาสิโนเพราะอยู่ใกล้เขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล) หนองคาย (849,968 คน เพราะส่วนมากเป็นชาวลาว และที่ฝั่งลาวก็มีกาสิโนอยู่แล้ว) และระยอง (727,428 คน แต่ตั้งอยู่ใกล้จังหวัดชลบุรี)

            ส่วนจังหวัดอุดรธานี ที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 889,649 คน เชียงรายที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 756,821 คน และขอนแก่นที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 102,474 คน มักมาจากประเทศเพื่อนบ้าน (ลาว/เมียนมา) จึงไม่จำเป็นต้องมีกาสิโน แต่กลับปรากฏว่าจังหวัดทั้งสองอยู่ในรายการที่จะมีกาสิโนด้วย ทั้งนี้รวมทั้งจังหวัดอุบลราชธานี ที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเพียง 19,609 คน ก็ไม่น่าจะมีกาสิโนเกิดขึ้นเลย ยิ่งกว่านั้นที่จังหวัดสะหวันนะเขตซึ่งอยู่ตรงข้ามกับจังหวัดมุกดาหาร ก็มีกาสิโนอยู่แล้ว

            อย่างไรก็ตามจังหวัดที่ควรมีกาสิโนอีกจังหวัดหนึ่งหนึ่งแต่ไม่มีในรายชื่อคือจังหวัดสงขลา ที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติถึง 2,536,214 คน ซึ่งแม้ส่วนใหญ่จะเป็นชาวมาเลเซีย แต่ก็เป็นกลุ่มที่มีรายได้ค่อนข้างสูง น่าจะเป็นกลุ่มเป้าหมายได้ รวมทั้งจังหวัดสงขลาโดยเฉพาะอำเภอหาดใหญ่ ยังเป็นศูนย์กลางธุรกิจของจังหวัดชายแดนภาคใต้อีกด้วย ส่วนจังหวัดที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาก และควรมีกาสิโน ก็คือจังหวัดสุราษฎร์ธานี (3,011,353 คน)

             ยิ่งกว่านั้นในทางตรงกันข้าม ที่พื้นที่ชะอำ-หัวหิน ซึ่งรวมนักท่องเที่ยวในจังหวัดเพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์ เข้าด้วยกัน ก็มีนักท่องเที่ยวต่างชาติถึง 635,935 คนในปี 2566 ก็น่าจะอนุญาตให้ตั้งกาสิโนได้  ส่วนจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นจังหวัดหลักสำคัญของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แต่ปรากฏว่ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติเพียง 153,989 คน จึงไม่ควรมีกาสิโนแต่อย่างใด

            สำหรับการพัฒนาที่อยู่อาศัยในจังหวัดเป้าหมายสำคัญของการตั้งกาสิโนเป็นดังนี้:

 

 

            จะเห็นได้ว่าราคาที่อยู่อาศัยที่แพงที่สุดอยู่ในจังหวัดภูเก็ต โดยมีราคาเฉลี่ย 12.303 ล้านบาท เพราะมีบ้านพักตากอากาศสำหรับชาวต่างประเทศจำนวนมาก ส่วนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีราคาเฉลี่ยของที่อยู่อาศัย 5.293 ล้านบาท และมีมูลค่าเหลือขายถึง 1.230,637 ล้านบาทซึ่งถือว่าสูงสุด เพราะกรุงเทพฯ ถือเป็นเมืองโตเดี่ยว (Primate City) จะเห็นได้ว่าจังหวัดขอนแก่น เชียงราย อุดรธานี และอุบลราชธานี มีราคาที่อยู่อาศัยที่ค่อนข้างต่ำ ยิ่งหากเป็นจังหวัดเล็กๆ ราคาที่อยู่อาศัยก็คงไม่เกิน 2-3 ล้านบาทเท่านั้น

            ดร.โสภณกล่าวว่ามีผลการศึกษาพบว่าหากมีกาสิโนเกิดขึ้น จะทำให้มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 20% โดยเฉพาะจังหวัดหลัก 4 แห่ง คือ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ชลบุรี ภูเก็ต เชียงใหม่ ซึ่งน่าจะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นมากกว่านี้โดยอาจถึง 25%-30% ส่วนในจังหวัดนอกเหนือจากนี้ก็คงมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นไม่มาก เพราะไม่ใช่จังหวัดที่เหมาะสมกับการจัดตั้งกาสิโนเท่าที่ควร

            ราคาที่อยู่อาศัยในจังหวัดหลักคือ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ชลบุรี ภูเก็ตและเชียงใหม่ น่าจะเพิ่มขึ้นหากมีกาสิโน โดยน่าจะเพิ่มขึ้นไม่เกิน 8% ทั้งนี้ตามปกติราคาที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นประมาณ 3-5% เท่านั้นในแต่ละปี อย่างไรก็ตามในกรณีจังหวัดภูเก็ต เชื่อว่าราคาที่อยู่อาศัยน่าจะเพิ่มขึ้นถึง 10% หรือมากกว่านั้น เพราะน่าจะมีชาวต่างประเทศเข้ามาเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเพราะมีกิจกรรมกาสิโน

            ในกรณีราคาที่ดิน

            1. หากเป็นการพัฒนา สมมติที่คลังน้ำมันถนนพระรามที่ 3 ราคาที่ดินบริเวณนั้นคงเป็นเงินตารางวาละ 200,000 บาท หรือไร่ละ 80 ล้านบาท แต่หากมีศักยภาพสร้างกาสิโนได้ ราคาที่ดินน่าจะขึ้นได้อีก 2 เท่าตัว รวมเป็นเงินไร่ละ 600,000 บาท หรือไร่ละ 240 ล้านบาท ทั้งนี้บริเวณดังกล่าวอาจมีลักษณะพิเศษที่เป็นที่ดินที่อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งตรงข้ามเป็นบางกระเจ้า

            2. หากเป็นที่ดินบริเวณถนนทหาร เขตดุสิต ซึ่งเป็นค่ายทหารขนาดใหญ่มากกว่า 500 ไร่ ถ้าเป็นที่ดินเอกชนก็จะมีราคาประมาณ 150,000 บาทต่อตารางวาหรือไร่ละ 60 ล้านบาทเพราะอยู่ในเขตเมืองชั้นใน ในกรณีที่เป็นกาสิโน ราคาที่ดินน่าจะเพิ่มขึ้นอีก 3 เท่ารวมเป็นเงิน 240 ล้านบาทเช่นกัน เพราะกิจการนี้น่าจะทำกำไรได้ดีมากนั่นเอง

            3. ในกรณีพัทยาชลบุรี จะเห็นได้ว่าตามผลการสำรวจของศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส พบว่าราคาที่ดินริมหาดพัทยา มีราคาตารางวาละ 610,000 บาท (ราคาประเมินราชการประมาณ 190,000 บาทต่อตารางวา) ซึ่งหากนำมาพัฒนาเป็นกาสิโน ก็มีความเป็นไปได้ แต่หากสามารถนำพื้นที่ที่ตั้งอยู่ห่างไกลออกไปมาพัฒนาจะคุ้มค่ากว่า เช่น ถนนห้วยใหญ่ ใกล้โรงเรียนทุ่งคา มีราคาตารางวาละ 52,000 บาท (ราคาประเมินราชการ 10,000 บาทต่อตารางวา) หากนำมาพัฒนาเป็นกาสิโน ย่อมจะคุ้มค่ากว่ามาก เป็นต้น และยังส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของราคาที่ดินโดยรอบราว 10%-20% โดยประมาณ  หรือหากพัฒนาในพื้นที่บ่อวิน-ปลวกแดง ซึ่งที่ดินยังมีราคาเพียงตารางวาละ 39,000 บาท (ราคาประเมินราชการ 5,000 บาทต่อตารางวา) ก็อาจพัฒนาเป็นกาสิโนได้อย่างคุ้มค่าเช่นกัน

            ในทางตรงกันข้าม ดร.โสภณ ให้ความเห็นว่า อันที่จริงประเทศไทยยังสามารถตั้งกาสิโนโดยใช้เรือสำราญขนาดใหญ่จอดตามเองต่างๆ เช่น กรุงเทพมหานคร พัทยา ระยอง ภูเก็ต สมุย หัวหิน เป็นต้น ซึ่งที่ผ่านมาก็มีเรือสำราญกาสิโนจากสิงคโปร์มาภูเก็ต (เล่นในน่านน้ำสากล งดเล่นเมื่อเข้าสู่น่านน้ำไทย)  หากนำเรือสำราญขนาดใหญ่มาใช้ได้ ประเทศไทยก็ไม่จำเป็นต้องสร้างสาธารณูปโภครองรับมากนัก และยังไม่เป็นปัญหากับสิ่งแวดล้อมหรือไม่เป็นที่กังวลต่อการส่งผลร้ายต่อชุมชน (ซึ่งอันที่จริงไม่ได้มีผลชัดเจน) เราเพียงทำท่าเรือให้วิ่งไปหาเรือสำราญ ซึ่งใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 10-20 นาทีเท่านั้น โดยที่ในแต่ละลำสามารถจุผู้เล่นได้ประมาณ 4,000 คน ในแต่ละทำเลก็ยังสามารถมีเรือสำราญได้มากกว่า 1 ลำ เป็นต้น

            ส่วนการที่มีข้อเสนอให้มีกิจกรรมอื่นๆ เช่น สนามแข่งม้า แข่งรถ ดร.โสภณมองว่าเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกาสิโนแต่อย่างใด กาสิโนทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นนครลาสเวกัส และนครเรโน ในมลรัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา หรือที่ใดๆ ก็ตาม ก็ไม่จำเป็นต้องมีสนามแข่งม้า แข่งรถ การมีข้อกำหนดเช่นนี้ในประเทศไทย อาจเป็นการเอื้อประโยชน์เฉพาะกลุ่มก็เป็นไปได้

            ยิ่งกว่านั้นการกำหนดให้กาสิโนต้องมีมูลค่าการพัฒนานับหมื่นๆ ล้านบาทนั้น อาจเป็นการกีดกันทางการค้า เป็นการเอื้อประโยชน์เฉพาะกลุ่มทุนขนาดใหญ่ อันที่จริงประเทศไทยควรมีกาสิโนที่มีขนาดการลงทุนไม่เกิน 1,000 ล้าน กระจายอยู่ในเมืองหลักทั้งหลายนอกเหนือจากที่ทางราชการเล็งไว้ข้างต้น เพื่อให้ผู้สนใจชาวไทยได้มีโอกาสเข้าไปเล่นอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เป็นการล้มล้างบ่อนผิดกฎหมายในประเทศไทย นำเงินนอกระบบขึ้นสู่ระบบ ทำให้รัฐเก็บภาษีได้มากขึ้น มีเงินพัฒนาประเทศมากขึ้น และเป็นการปราบปรามอาชญากรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับการพนัน

            กาสิโนถูกกฎหมาย นอกจากจะดึงดูดเงินจากนักท่องเที่ยวแล้ว ยังสามารถขจัดทุจริตและประพฤติมิชอบด้วยการดำเนินงานที่โปร่งใส ตรวจสอบได้

 

หมายเหตุ: บทความนี้เคยลงในประชาชาติธุรกิจ วันที่ 9 พฤศจิกายน 2567
www.prachachat.net/property/news-1691274

อ่าน 896 คน
2024 Copyright © by area.co.th All Rights Reserved