วิพากษ์ "เหตุที่พุทธสูญสิ้น ที่อินเดีย” (ป.อ.ปยุตฺโต)
  AREA แถลง ฉบับที่ 62/2561: วันศุกร์ที่ 02 กุมภาพันธ์ 2561

ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส sopon@area.co.th https://www.facebook.com/dr.sopon4
            AREA แถลงฉบับนี้เป็นความเห็นส่วนตัวในการวิเคราะห์ของ ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th)

——————-

วิพากษ์ "เหตุที่พุทธสูญสิ้น ที่อินเดีย” (ป.อ.ปยุตฺโต)

ดร.โสภณ พรโชคชัย

            มีข้อเขียนที่โด่งดังเรื่อง "เหตุที่พุทธสูญสิ้น ที่อินเดีย" โดยสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต ป.ธ.๙) ซึ่งอ่านผ่านๆ ก็น่าเชื่อถือ แต่ถ้าลองใช้หลักกาลมสูตรดู ข้อเขียนนี้มีข้อพึงวิพากษ์ เรามาดูกันเพื่อสังคมอุดมปัญญา ไม่ใช่เป็นการโจมตีภิกษุรูปใด

            บทความที่ว่าไม่ได้มีการอ้างอิง ไม่ใช่บทความวิชาการที่มีหลักฐานชัดเจน เป็นการพรรณนาความ ในบทความของผู้เขียนนี้ก็เช่นกันเป็นการมองต่างมุมด้วยตรรก เผื่อไปหาประจักษ์หลักฐานเพิ่มเติม

ในบทความสรุปเหตุแห่งความเสื่อมไว้เป็นข้อๆ ซึ่งผู้เขียนขอมองต่างมุมเป็นประเด็นๆ ไว้ดังนี้:

            1. “เหตุอันแรกที่เราเห็นได้ พูดง่ายๆ ว่า ชาวพุทธเราใจกว้าง (จนลืมหลัก) แต่ศาสนาอื่นเขาไม่ใจกว้างด้วย” (เลยไปกลมกลืนกับฮินดู) ข้อนี้ดูเหมือนจริง แต่หลักพุทธที่ให้พึ่งตนเอง ถือคนเท่ากัน บวชจัณฑาลให้พราหมณ์กราบได้ เป็นสิ่งที่เราซึ่งอยู่ไกลจากอินเดียยังเข้าใจได้ง่ายๆ แม้ผ่านมา 2,560 ปี ดังนั้นที่พุทธสูญที่อินเดีย คงไม่ใช่เรื่องแค่นี้

            2. “จุดที่เสื่อมก็คือตอนที่ชาวพุทธลืมหลักกรรม ไม่เอาการกระทำของตัวเองเป็นหลัก ไปหวังพึ่งเทพเจ้า ไปหวังพึ่งฤทธิ์พึ่งปาฏิหารย์” ข้อนี้ก็ดูคล้ายถูกเหมือนกัน แต่คติธรรมอันดับต้นๆ ที่พวกเราเคยได้ยินมาแต่เด็กก็คือ “อัตตา หิ อัตตโน นาโถ” ประเด็นคงไม่ใช่ชาวพุทธลืมกระมัง

            3. “อีกอย่างหนึ่งที่ควรระวัง คือพอมีภัยหรือเรื่องกระทบกระเทือนส่วนรวม ชาวพุทธไม่น้อยมีลักษณะที่วางเฉย. . .โจรเข้ามาปล้นศาสน์ เลยยกวัดให้แก่โจร” อันนี้เป็นแค่การประดิษฐ์ประดอยคำพูดที่ไม่เป็นเหตุเป็นผลหรือไม่ คือ หลักศาสนาไม่อาจถูกปล้นได้ ในอีกแง่หนึ่ง วัดก็แค่วัตถุ ใครมาครองครองก็แค่ทางกายภาพเท่านั้น

            4. “ฝากศาสนาไว้กับพระ. . .พระพุทธเจ้าตรัสว่าพระศาสนานั้นอยู่ด้วยบริษัท 4. . .ชาวพุทธคฤหัสถ์ของเราไม่ค่อยมีข้อปฏิบัติของตัวเองที่ชัด” อันที่จริงพุทธบริษัท 4 ก็เรื่องหนึ่ง พระรัตนตรัยก็อีกเรื่อง พระเป็นหลักในการจรรโลงศาสนาจึงถูกแล้ว

            5. “พระ พอได้รับการอุปถัมภ์มากมีความสุขสบาย บางส่วนก็มีความประพฤติย่อหย่อน และอาจจะเหินห่างจากประชาชนทั่วๆ ไป” ข้อนี้ก็ปรากฏให้เห็นมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาลแล้ว คงไม่ใช่ข้ออ้าง การมีมหาวิทยาลัยนาลันทะ ก็เป็นการศึกษาให้ลึกซึ้ง ไม่งั้นคงไม่โดนเผา

            6. “เมื่อมีการสร้างสิ่งใหญ่โต มากๆ ไม่ช้าศาสนามักจะค่อยๆ เสื่อม บางทีพระอาจจะมัววุ่นวายหรือเพลินกับงานพวกนี้” ข้อนี้ก็ไม่น่าจะจริง วัดเชตวันในสมัยพุทธกาลสร้างด้วยเงินถึง 54 โกฏิ (http://bit.ly/2uB4IYr) และมีวัดอื่นราคาแพงมากมาย

            7. “การลืมสร้างคนนี้ อาจเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้พุทธศาสนาเสื่อมโทรมลงไป” ข้อนี้ก็เป็นวาทกรรมหรือไม่ เหมือนกำปั้นทุบดินหรือไม่

            สิ่งที่สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต ป.ธ.๙) ไม่กล่าวถึงก็คือศาสนาพุทธเน้นความเท่าเทียม ขัดหลักปกครองบ้านเมือง พวกกษัตริย์ต้องอาศัยความเป็นเทพมาบังคับผู้ถูกปกครอง ศาสนาพุทธจึงขัดแย้งกับสถาบันกษัตริย์ในอินเดีย และเมื่อกษัตริย์ไม่ใช่พุทธมามกะ ก็ต้องกำจัดพุทธศาสนาหรืออย่างน้อยอาณาจักรต้องควบคุมพุทธจักรได้ด้วยการให้คุณให้โทษต่างๆ หาไม่พระซึ่งเป็นผู้นำศาสนาก็อาจทำให้เกิดความกระด้างกระเดื่องได้

            การไม่มองประเด็นหลัก ไพล่ไปพูดประเด็นปลีกย่อยอื่น จึงอาจทำให้ความจริงถูกบิดเบือนได้

ดูวิดิโอ fb live คลิกที่ลิงค์นี้: https://goo.gl/h6d6gA

 

อ่าน 4,574 คน
2024 Copyright © by area.co.th All Rights Reserved