ดราม่า ‘ตูน-โจน จันใด’?
  AREA แถลง ฉบับที่ 43/2561: วันพฤหัสบดีที่ 25 มกราคม 2561

ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส sopon@area.co.th https://www.facebook.com/dr.sopon4

         เราจะประสบความสำเร็จเรื่องการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ต้องเป็นคนที่มองอะไรทะลุปรุโปร่ง อย่าเห่อตามกระแส จึงขอยกกระแส “ตูน บอดี้สแลม” และ “โจน จันใด” มาเป็นตัวอย่าง ถ้าเรามองข้ามเรื่องดราม่าไม่ได้อาจถูกหลอกและทำให้ไม่ประสบความสำเร็จในการลงทุน

         ถ้าเราอยากรู้ว่าบ้านที่จะสร้าง ใครจะมาซื้อ ก็ต้องไปศึกษา เช่น บ้านเดี่ยวราคา 10 ล้านบาท ใครเป็นคนซื้อ บางทีเราแทบไม่เชื่อว่าคนที่รับราชการก็สามารถซื้อได้ ส่วนหนึ่งอาจมีเงินเอง แต่ส่วนหนึ่งอาจโกงมา เพราะคนระดับนี้ไม่น่าจะมีเงินสะสมมากมายเพียงนั้น เราจึงไม่ควรมองอะไรผิวเผิน อย่างการจัดงานเปิดโครงการใหม่ๆ ปรากฏว่าหน่วยขายในทำเลดีๆถูกจองเกลี้ยงไปแล้วทั้งที่เพิ่งเปิดตัวไม่กี่ชั่วโมง ไม่กี่วัน อันนี้เป็นเพียงกลยุทธ์ในการกระตุ้นให้ซื้อ แล้วค่อยๆทยอยออกมาขาย จะรีบซื้อเพราะพริตตี้หรือสิ่งยั่วเย้าต่างๆไม่ได้ ต้องศึกษาข้อมูลให้ดีก่อน

         ทำไมเมื่อตูนวิ่งเสร็จจึงมีข่าวดราม่าออกมาว่า ครูพลาม พรมจำปา นักวิ่งคนที่ 2 ที่วิ่งก่อนตูนออกมาโวยวายว่าตูนไม่ใช่ฮีโร่คนเดียว มีกระแสถล่มเละเทะในสื่อต่างๆ จุดมุ่งหมายสำคัญของการสร้างกระแสข่าวนี้เพื่ออะไร เราต้องมองให้ทะลุปรุโปร่งคือ

         1. เพื่อดิสเครดิตคนที่เคยเป็นนักวิ่งก่อนตูน ถ้าครูไชยวัฒน์ที่วิ่งเป็นคนแรกและยังอุตส่าห์วิ่งหาเงินมารวมให้ตูนออกมาต้อนรับตูนแล้วไม่ได้พบ แล้วเห็นการมอบประกาศนียบัตรว่าตูนเป็นนักวิ่งคนแรกจากเบตงไปแม่สายก็ต้องอุทานออกมาแบบนี้เหมือนกัน

         2. ทำไมต้องดิสเครดิตครูพลาม ก็คงต้องการกลบกระแสตูนที่ไปรับรางวัลวิ่งคนแรกจากเบตง-แม่สาย เพราะรางวัลนี้มีความชอบกล ใครๆก็รู้ว่าตูนไม่ใช่คนแรก แต่มีการบิดเบือนว่าเป็นคนแรก โดยอ้างว่าต้องเป็นตามมาตรฐานสากลที่ใช้ GPS แต่ในเว็บบันทึกไทยระบุชัดเจนว่ามีคนขี่จักรยานข้ามทวีปเมื่อปี 2504 ทำไมอย่างนี้ไม่อ้างว่าไม่ได้ใช้ GPS บ้าง

         อันที่จริงมีข่าว มีหลักฐาน มีอัลบั้มภาพ มีผู้ว่าฯหรือผู้แทนแต่ละจังหวัดมารอพบและถ่ายรูปกับครูไชยวัฒน์และครูพลาม นักวิ่งคนที่ 1 และ 2 ปรากฏชัดเจน แต่บันทึกไทยกลับไม่นำพาความจริง อย่างนี้ถือเป็น “ตาบอดตาใส” หรือไม่ ถ้าขาดความยุติธรรมจะเชื่อถือได้อย่างไร เช่น เราทำโครงการอสังหาฯ การบริหารจัดการให้กับลูกค้า คู่ค้า ลูกจ้าง หรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย หากไม่มีความยุติธรรม ความน่าเชื่อถือก็จะหมดไป การทำงานต่อก็ลำบาก เป็นต้น

         ถ้าเราวิเคราะห์ให้ชัดกรณีบันทึกไทยเอาโล่ไปมอบให้กับตูนถึงแม่สายแทบจะทันทีทันใดตอนวิ่งเสร็จ ในวันนั้นถือว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ไม่ใช่เรื่องเอาหน้าของบันทึกไทย แต่ถ้าเราศึกษาเว็บไซต์บันทึกไทยก็จะเห็นได้ว่าการจะบันทึกสถิติได้นั้น

         1. ผู้จะขอบันทึกต้องติดต่อล่วงหน้า แสดงว่าทีมงานของตูนไม่ใช่ไม่รู้ไม่เห็น แต่ตั้งใจจะให้มีการมอบโล่ ทั้งที่รู้ว่ามีคนวิ่งอย่างเป็นทางการมาก่อน ไม่ใช่แบบทหารพม่าหรือทหารไทยที่วิ่งๆเดินๆจากเหนือจดใต้จึงไม่มีการบันทึก ยิ่งครูพลามวิ่งปี 2548 และ 2558 อีกรอบหนึ่ง สื่อต่างๆก็ลงไว้มากมายแล้ว

         2. ผู้จะขอบันทึกต้องออกค่าธรรมเนียม เตรียมอุปกรณ์ (อาจรวมถึงซื้อเครื่อง GPS ให้จับระยะทาง) ออกค่าใช้จ่ายให้เจ้าหน้าที่บันทึกไทยติดตาม หรือต้อง “เลี้ยงดูปูเสื่อ” กันน่าดูชมล่ะ

         ถ้าจะว่าตามมาตรฐานของบันทึกไทย ครูไชยวัฒน์และครูพลามก็คงไม่ได้รับการบันทึก เพราะไม่ได้ไปขอให้บันทึก แต่จริงๆแล้วถ้าเป็นสถิติที่ดีแบบนี้บันทึกไทยก็ควรไปสืบเสาะประวัติแบบเดียวกับที่ไปหาข้อมูลว่า “ไชยโย” ครั้งแรกเกิดเมื่อ 105 ปีที่แล้ว การขี่จักรยานข้ามทวีปครั้งแรกเกิดเมื่อ 57 ปีที่แล้ว เป็นต้น

         กลับมาดู “คนดี” อีกท่านคือ โจน จันใด ท่านผู้นี้พูดหลายอย่างที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง แต่มาดน่าเชื่อถือคนก็อาจเชื่อ เช่น

         1. บอกว่าพอมีโทรทัศน์เข้ามา มีผู้คนมาที่หมู่บ้านพวกเขาบอกว่าเธอยากจนนะ เธอต้องไล่ล่าหาความสำเร็จในชีวิต เธอต้องไปกรุงเทพฯ ไปไขว่คว้าหาความสำเร็จในชีวิต แต่ความจริงการเข้ากรุงเทพฯเพื่อยกฐานะมีมาแต่โบราณแล้ว

         2. บอกว่าในมหาวิทยาลัยไม่มีความรู้ที่เป็นประโยชน์สำหรับตนเลย ถ้าเรียนเพื่อจะเป็นสถาปนิกหรือวิศวกรคุณต้องทำลายล้างมากขึ้น ยิ่งคนพวกนี้ทำงานมากขึ้นเท่าไร ภูเขาก็จะถูกทำลายมากขึ้น แต่ความจริงเมื่อโจนไม่ประสบความสำเร็จในการศึกษาก็ไม่ควรดูแคลนวิชาชีพอื่น

         3. บอกว่าเพราะพวกเขามีเวลาว่างกันมากในเวลากลางวัน ทุกคนสามารถงีบหลับได้อย่างที่ลาว แต่ความจริงโจนคงเข้าใจผิด การนอนกลางวันอย่างจริงจังเกิดขึ้นเพราะฝรั่งเศสมาปกครองอินโดจีน ดังนั้น ชาวลาวและเวียดนามจึงนอนกลางวัน สำหรับไทยไม่มีระบบนอนกลางวัน

         อันที่จริงใครจะศรัทธาชีวิตฮิปปี้แบบโจนก็ตามสบาย แต่ชีวิตโจนเปลี่ยนจากผู้ไม่ประสบความสำเร็จทางการศึกษาได้ก็เพราะได้ภริยา NGOs ชาวอเมริกัน ได้ไปอยู่อเมริกา ไปเห็นการทำบ้านดินแล้วมาทำที่เมืองไทย วันนี้ท่านไม่ได้อยู่แบบเดิมๆแล้ว ได้รับเชิญไปเป็นวิทยากรทั่วโลก ได้ทั้งเงินทั้งกล่อง มีความสุขในการเดินทางที่คนอื่นไม่ได้รับ แถมยังได้แรงงานที่ไม่ต้องจ้างมาช่วยงานอีกมากมาย จริงหรือไม่

         เราจึงต้องไตร่ตรองให้ดี ให้ชัด อย่าเชื่อตามกระแส จะทำให้เราสามารถกุมสภาพความเป็นจริงได้ ไม่หลงทิศผิดทางไปยึดเหนี่ยวอะไรง่ายๆโดยไม่ฉุกคิด ทำได้อย่างนี้รับรองประสบความสำเร็จในการลงทุนแน่นอน

อ่าน 5,534 คน
2024 Copyright © by area.co.th All Rights Reserved