บุพเพสันนิวาส: บ้า! ยอมเป็นทาสเพราะขี้เกียจ
  AREA แถลง ฉบับที่ 179/2561: วันพฤหัสบดีที่ 29 มีนาคม 2561

ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส sopon@area.co.th https://www.facebook.com/dr.sopon4

            คนทุกคนย่อมอยากเป็นไท อาจมีเพียงคนหยิบมือเดียวที่ยอมเป็นทาส อย่าเหมารวมว่ามีคนมากหลายที่อยากเป็นทาส อย่าส่งเสริมแนวคิดกดคนลงเป็นทาสหรือนิยมระบอบทาส

ดูวิดิโอ fb Live คลิกที่ลิงค์นี้: https://goo.gl/o2xGXV

 

            ในละคร "บุพเพสันนิวาส" ตอนหนึ่ง (https://bit.ly/2pNtqUR) มีความว่ามีคนมาขายตัวเป็นทาสที่เรือนของออกญาโหราธิบดีมากมาย โดยสามสี่วันที่ผ่านมาคุณหญิงจำปาได้ซื้อทาสไว้ร่วมสิบคนและไม่ซื้ออีก สาเหตุที่มาขายตัวเพราะอยากได้มุ้ง!?! (ตามที่แม่หญิงการะเกดแจกแก่ทาสไปคนละหลัง) และออกญาโหราธิบดีจึงพูดว่าคงเป็นเพราะพวกนี้ไม่อยากสักเลก ไม่อยากเสียส่วย มีอยู่หลายนะที่เป็นพวกขี้เกียจ เป็นทาสอยู่ตามบ้านสบายกว่า มีข้าวกินทุกมื้อ ไม่ต้องกลัวอด

            ข้อนี้เป็นการนำเสนอให้คนยอมลดตนเป็นทาส หรือให้ยอมรับระบอบทาสที่ชั่วร้าย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรมี โชคดีที่ในยุคสมัยใหม่นี้ ไม่มีทาสแล้ว และนี่เป็นสิ่งหนึ่งที่ยุคสมัยใหม่ดีกว่าสมัยก่อนที่คนตกเป็นทาสกันมากมาย ส่วนพวกที่เป็นไทแก่ตัวก็ยังต้องเป็นไพร่ ถูกเกณฑ์แรงงานมากมาย ในสมัยกรุงศรีอยุธยา อาจไม่อาจฝืนระบอบทาส แต่เมื่อ 113 ปีที่แล้ว (พ.ศ.2448) ไทยก็มีการเลิกทาส โดยนางแอนนา เลียวโนเวนส์ (แหม่มแอนนา)เคยพูดว่า “ทาสจะเป็นมลทินที่ยิ่งใหญ่ของชาติสยาม” ในสมัยรัชกาลที่ 4 (https://bit.ly/2GTivBd)

            ในความเป็นจริงคงไม่มีนายทาสคนใดแจกมุ้งแก่ทาสในสมัยกรุงศรีอยุธยาตามละครเรื่องการะเกด ส่วนที่ว่าเป็นทาสแล้วอยู่ตามบ้านสบายๆ นั้นจริงหรือ  ถ้าคำพูดที่ว่า "มีข้าวกินทุกมื้อ ไม่ต้องกลัวอด" เป็นจริง ก็แสดงว่าทาสยินดีมีสถานะเป็นเพียงคนครึ่งคน หรืออาจเป็นเสมือนสัตว์เลี้ยงมากกว่าจะเป็นมนุษย์ที่มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และมีสิทธิมนุษยชนเท่าเทียมกันเช่นทุกวันนี้ แต่ทุกอย่างก็มีข้อยกเว้น เช่น ในทุกวันนี้ก็คนมีอำนาจ และคนรวยจำนวนมากที่ทำผิดกฎหมายแล้วไม่ติดคุก เป็นต้น

            ในสังคมไทยสมัยโบราณ การเป็นไพร่นั้น อย่างน้อยก็ยัง "มีอิสระในการประกอบอาชีพ การตั้งบ้านเรือน มีครอบครัว มีศักดินา 10-25 ไร่. . .ไพร่มีหน้าที่ในการถูกเกณฑ์แรงงาน หรือเสีย "ส่วย" และถูกเกณฑ์ทหารในยามที่มีศึกสงคราม (https://bit.ly/2GgyfBt) ในแต่ละปีอาจต้องถูกเกณฑ์แรงงาน 3-6 เดือน แต่ก็ยังมีสถานะที่ดีกว่าการเป็นทาสให้ใครจิกหัวใช้ เป็นคนครึ่งคนนั่นเอง การมีที่นา 10-25 ไร่ ก็ยังสามารถหาเลี้ยงชีพได้อย่าง "พอเพียง" ตามอัตภาพได้ ยิ่งเป็นสมัยนั้น คงยิ่งสามารถหักร้างถางพงทำมาหากิน-จับปูจับปลาได้โดยไม่อดอยาก

            คนไทยในยุคสมัยประชาธิปไตย (แม้ตอนนี้จะไม่ใช่มา 4 ปีแล้วก็ตาม) ควรยึดหยัดในหลักการเสรีนิยม ยึดถือความเป็นไทเป็นที่ตั้งเช่นที่ควรจะเป็น อย่าได้นิยมการใส่ "ปลอกคอ" แต่ในความเป็นจริง อาจมี "ทาสที่ปล่อยไม่ไป" บ้าง  อย่างน้อยก็ต้องไม่สยบยอมต่อระบอบศักดินาที่กดขี่ขูดรีดแรงงานทาสและไพร่ไปใช้อย่างไม่เป็นธรรม อย่าลืมว่าสิ่งก่อสร้างใหญ่โดที่ทิ้งไว้เป็นอนุสรณ์สถานประจำชาตินั้น เป็นฝีมือของผู้ใช้แรงงานนิรนามเป็นสำคัญดังเพลง "คนทำทาง"

ประวัติศาสตร์ อาจมี ในหลายด้าน แต่คนที่ทำงาน ไม่เคย จะเอ่ยออกนาม
คนที่แบกหามลุยน้ำลุยโคลน คนที่สรรค์สร้าง จากป่าเป็นเมืองรุ่งเรืองงามเพียงเวียงวัง
ด้วยเลือด ด้วยเนื้อ ของคนทำทาง ถางทาง ตั้งต้น ให้คนต่อไป
จากป่าเปลี่ยว เที่ยวไป ในทุกถิ่น ดังโบกโบยบิน พื้นดิน เป็นถิ่นอาศัย
หนาวเหน็บเจ็บใจ ภัยร้ายนานา ชีวาว้าเหว่ เช้าค่ำจำเจ เร่ไป ให้คนเดินตาม
ทุกย่างเท้าเขา เหมือนเงา เรืองราม ฝังนาม ฝังร่าง อยู่กลาง แผ่นดิน

 

เพลง "คนทำทาง" https://youtu.be/YxSninXGxcc
อ่าน 3,637 คน
2024 Copyright © by area.co.th All Rights Reserved