ตลาดอสังหาริมทรัพย์ล่าสุด ณ เดือนสิงหาคม 2558 เป็นอย่างไร ปรากฏว่าส่วนใหญ่ "ฝ่อ" แต่มีสินค้าราคาแพงที่ยัง "เฟื่อง" อยู่ เป็นฟองสบู่ท่ามกลางการฟุบตัวของตลาด

            ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA (www.area.co.th) กล่าวว่า ในเดือนสิงหาคม อสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีการเปิดตัวเพิ่มขึ้น โดยในเดือนนี้ มีจำนวนโครงการเปิดขายใหม่ทั้งหมด 25 โครงการ อีกทั้งยังมีจำนวนหน่วยขาย มูลค่า และราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งลักษณะการพัฒนาเป็นการพัฒนาในกลุ่มที่อยู่อาศัย 24 โครงการ และโฮมออฟฟิศอีก 1 โครงการ มีจำนวนหน่วยขายรวม 7,674 หน่วย และมีมูลค่าการพัฒนาโครงการรวม 26,698 ล้านบาท
            จำนวนหน่วยเปิดขายใหม่มากที่สุดในเดือนนี้ยังคงเป็นอาคารชุดเช่นเดือนที่ผ่านมา โดยมีจำนวนหน่วยเปิดขาย 4,613 หน่วย (60.1%) รองลงมาคือ ทาวน์เฮ้าส์ 1,504 หน่วย (19.6%) ส่วนอันดับ 3 คือ บ้านเดี่ยว 1,045 หน่วย (13.6%) ของจำนวนหน่วยขายที่เปิดขายใหม่ทั้งหมด ทำเลที่มีการเปิดขายใหม่
            1. สำหรับอาคารชุดจะตั้งอยู่ในบริเวณเขตใจกลางย่านธุรกิจ (CBD) เช่น สุขุมวิท รัชดา เพชรบุรี และตามแนวรถไฟฟ้าที่กำลังจะเปิดใช้บริการในอนาคต เช่น รถไฟฟ้าสายสีเขียว (แบริ่ง-สมุทรปราการ) และ (หมอชิต-สะพานใหม่) เป็นต้น
            2. ส่วนทาวน์เฮ้าส์จะมีการเปิดขายกระจายอยู่ทั้งบริเวณ เขตเมืองชั้นกลาง และเขตเมืองชั้นใน เช่น ถนนพระราม 2 ถนนอ่อนนุช ถนนบางนา ถนนสาธุประดิษฐ์ และถนนสุขุมวิท เป็นต้น
            3. ส่วนบ้านเดี่ยว จะเปิดขายบริเวณทั้งในเขต CBD พื้นที่เขตเมืองชั้นกลาง และพื้นที่รอบนอก เช่น ถนนสุขุมวิท ถนนบางนา และย่านศาลายา เป็นต้น
            เมื่อพิจารณาราคาขายเฉลี่ยต่อยูนิต พบว่ามีราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยเพิ่มขึ้น (ประมาณ 12%) เนื่องจากการพัฒนาในเดือนนี้มีจำนวนหน่วยขายที่มีราคาขายต่ำกว่า 3 ล้านบาทลดลงเหลือเพียง 61% (เดือนที่ผ่านมา 79%) จึงทำให้ราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยโดยรวมของเดือนนี้เพิ่มขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับราคาขายเฉลี่ยของเดือนก่อน ซึ่งราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยของเดือนนี้มีราคาเฉลี่ยที่ประมาณ 3.479 ล้านบาท แต่เดือนที่ผ่านมามีราคาขายเฉลี่ยที่ 3.100 ล้านบาท ซึ่งแสดงถึงแนวโน้มการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่เน้นสำหรับผู้มีรายได้ปานกลางค่อนข้างสูงเพิ่มขึ้น
            เมื่อพิจารณาอัตราการขายได้ จะพบว่าในเดือนแรกของการเปิดขายมีอัตราการขายได้เฉลี่ยที่ 36% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมาที่มีอัตราการขายได้ที่ 24% ต่อเดือน โดยประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่มีอัตราการได้สูงสุดอันดับ 1 คือ อาคารชุดระดับราคา 1-2 ล้านบาท จำนวน 1,536 หน่วย ขายได้แล้ว 968 หน่วย (63%) รองลงคือ ทาวน์เฮ้าส์ระดับราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป จำนวน 20 หน่วย ขายได้แล้ว 12 หน่วย (60%) และอันดับ 3 คืออาคารชุดระดับราคา 3-5 ล้านบาท จำนวน 976 หน่วย ขายได้แล้ว 503 หน่วย (52%)
            ผู้ประกอบการที่เปิดตัวโครงการใหม่ในเดือนนี้ จะพบว่าเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ (มหาชน) จำนวน 6 บริษัท คือ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์จำกัด (มหาชน) บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) และมีบริษัทในเครือบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ 6 บริษัท นอกจากนี้ก็ยังมีบริษัททั่วไปอีกจำนวนหนึ่ง
            หากพิจารณาภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ที่เปิดใหม่เดือนสิงหาคมของปีนี้กับเดือนสิงหาคมปี 2557 จะพบว่าในปีนี้มีจำนวนโครงการเปิดใหม่ลดลง 18 โครงการ ( -42%) มีจำนวนหน่วยขายลดลง 2,911 หน่วย (-27%) มีมูลค่าลดลง 5,639 ล้านบาท (-17%) แต่มีราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยเพิ่มขึ้นจาก 3.053 ล้านบาทเป็น 3.479 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 14%) และหากพิจารณาภาพรวมใน 8 เดือนแรก 2558 (มกราคม-สิงหาคม 2558) เปรียบเทียบกับ 8 เดือนแรก ปี 2557 จะพบว่าใน 8 เดือนแรกของปี 2558 มีจำนวนโครงการที่เปิดใหม่รวม 247 โครงการ (ลดลง 69%) มีจำนวนหน่วยขายรวม 70,144 หน่วย (-4.4%) มีมูลค่ารวม 272,306 ล้านบาท (เพิ่ม 25%) และมีราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยเพิ่มขึ้นจาก 2.797 ล้านบาทเป็น 3.882 ล้านบาท (เพิ่ม 30%)
            สินค้าราคาแพง "เฟื่อง" มีการเปิดขายค่อนข้างมาก แสดงว่าผู้มีรายได้สูงยังไม่ได้ผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ส่อเค้าหดตัวลงในปี 2558 นี้ จึงอาจสรุปได้ว่าภาวะในปัจจุบันเกิดอาการ "ฟุบ" ยกเว้นของแพง ๆ ยังกำลังเกิดภาวะ "ฟองสบู่" อยู่ในขณะนี้