ม.ร.ว.ปรีดิยธรแก้ตัวว่าที่การส่งออกไทยตกต่ำ เพราะผลจากการตกต่ำของทั่วโลก ซึ่งไม่เป็นความจริง  การไม่ยอมรับความจริงจะแก้ไขปัญหาไม่ได้

            ตามที่เมื่อวานนี้ ม.ร.ว.ปรีดิยธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีในสมัยแรกของรัฐบาลประยุทธ์ ออกมาแสดงความเห็นว่า "การส่งออกของไทยยังมีแนวโน้มปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องอย่างมีนัยสำคัญ แต่ยังเป็นไปในทิศทางเดียวกับประเทศต่าง ๆ  เพราะ 2 ใน 3 ของโลกส่งออกก็ติดลบ" (http://bit.ly/1XkCREA) ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย (area.co.th) กล่าวว่า คงเป็นความเข้าใจผิดอย่างร้ายแรงของ ม.ร.ว.ปรีดิยธรเอง

            ในภูมิภาคอาเซียนนี้ มีเพียงบรูไน ไทย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซียที่การส่งออกในปี 2558 ติดลบ สำหรับประเทศอื่น ๆ เชื่อว่าการส่งออกยังเติบโตเป็นอย่างมาก (http://bit.ly/1ILsiIp) สำหรับข้อมูลดูได้เพิ่มเติมที่ http://bit.ly/1RGuJOk (บรูไน) http://bit.ly/1UKxm41 (มาเลเซีย) http://bit.ly/1PWnL26 (เมียนมาร์) และ http://bit.ly/22fhNAz (สิงคโปร์)

            หากพิจารณาจากอัตราการเติบโตของการส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา ไทยมีอัตราการเติบโตในช่วงปี 2556-2558 อยู่ที่ 9% เป็นอันดับ 6 ของอาเซียน รองจากเมียนมาร์ เวียดนาม ลาว ฟิลิปปินส์และมาเลเซีย (http://1.usa.gov/23ndi9E) ส่วนการส่งออกไปสหภาพยุโรปนั้นพบว่าอัตราการเติบโตของการส่งออกอยู่ในอันดับที่ 7 ดีกว่าเพียงสิงคโปร์ อินโดนีเซียและลาว เท่านั้น (http://bit.ly/1iFljU6) แสดงว่าศักยภาพของไทยไม่ดีเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเทศอื่น หรือเศรษฐกิจโลกแต่อย่างใด

            สำหรับอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่เพิ่งคาดการณ์โดยธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเซียเมื่อไม่กี่วันมานี้ปรากฏว่าไทยอยู่ในอันดับที่ 8 รองจากสิงคโปร์และบรูไน แต่ทั้งสองประเทศนี้ เป็นประเทศที่มั่งคั่งกว่าไทยมาก แสดงให้เห็นว่าประเทศอื่น ๆ มีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่โดดเด่นกว่าไทยมาก และทำให้ไทยมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคอาเซียนโดยรวม (bit.ly/1dSt3u1)

            ดังนั้น ม.ร.ว.ปรีดิยธร จะมาอ้างว่าทั่วโลกย่ำแย่ไทยเลยย่ำแย่ด้วยไม่ได้ กรณีของไทยอาจเป็นเพราะเงื่อนไขของประเทศไทย ดูอย่างกรณีเมียนมาร์ แต่เดิมฐานะทางเศรษฐกิจย่ำแย่มาก แต่ภายหลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลงเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ก็ทำให้นานาชาติยอมรับ และมีการเข้าไปลงทุนมากขึ้นนั่นเอง เศรษฐกิจจึงเติบโตด้วยดี