เมื่อวานนี้ (23 มิถุนายน 2559) ผมไปจัดสัมมนาอสังหาริมทรัพย์ที่หาดใหญ่ นี่คือแบบฉบับ CSR ของผม เรามาลองดูกันครับ (ไม่สงวน ยินดีให้ลอกเลียนแบบ)

            ในแต่ละปีหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจจะร่วมกับศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย (www.area.co.th) จัดสัมมนาอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภูมิภาคปีละ 4-5 แห่งเพื่อเผยแพร่ความรู้และข้อมูลที่แท้จริงแก่วงการอสังหาริมทรัพย์ในต่างจังหวัด จะเห็นได้ว่าในต่างจังหวัดมีสมาคมอสังหาริมทรัพย์มากมาย แต่ไมได้เป็นกรรมการในศูนย์ข้อมูลของทางราชการเลย มีเพียง 3 สมาคมใหญ่เท่านั้น

            ต่อให้ทุกสมาคมเป็นกรรมการได้ล่วงรู้ข้อมูลก่อนประชาชน ก็ไม่เกิดความเป็นธรรม เพราะความสำคัญของข้อมูลอยู่ที่การเป็น First Hand Information หากใครรู้ข้อมูลก่อนแล้วนำไปใช้ก่อนย่อมได้เปรียบ นายกสมาคมรู้ข้อมูลก่อนในฐานะกรรมการศูนย์ แล้วจะไปบอกกรรมการเมื่อไหร่ กรรมการเมื่อได้รู้ข้อมูลจะไปบอกสมาชิกอื่นเมื่อไหร่ ที่สำคัญประชาชนทั่วไปต้องได้รู้ข้อมูลในวันและเวลาเดียวกันกับพวกนักธุรกิจที่ได้ประโยชน์ หาไม่ก็เป็นการเอาเปรียบประชาชน เพราะเงินค่าใช้จ่ายของศูนย์ฯ เป็นเงินเกือบร้อยล้าน แต่ผู้ได้ประโยชน์โดยตรงกลับไม่ใช่ประชาชน

            ด้วยเหตุนี้ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย AREA ของผมจึงไปนำเสนอข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ที่สำคัญข้อมูลที่ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทยของผมสำรวจนั้น สำรวจได้มากกว่า แม่นยำกว่า และละเอียดมากกว่า ศูนย์ข้อมูลฯ ของผมทำมาตั้งแต่ปี 2537 และยังดำเนินการในประเทศอาเซียนทั้งจาการ์ตา พนมเปญ มะนิลา และโฮจิมินห์ซิตี้อีกด้วย ที่สำคัญศูนย์ข้อมูลฯ ของผม ไม่มีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมานั่งเป็นกรรมการ ล่วงรู้ข้อมูลไปใช้ก่อน (โดยไม่ต้องเสียเงิน)

            การไปจัดสัมมนาแบบนี้ ผมจัดสัมมนาให้ฟรี บรรยายาฟรี เดินทางไปเองทั้งผมและคณะ ค่าที่พักและอะไรที่จำเป็นก็ออกเองหมด รวมทั้งค่าโรงแรมที่จัดสัมมนารวมทั้งเครื่องดื่มเครื่องเคียง ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทยของผมออกเองหมด ในแต่ละครั้งเสียเงินไปหลายหมื่นบาท นี่คือการช่วยเหลือสังคมในแง่มุมของผม ถ้าผู้ประกอบการพัฒนาที่ดิน สถาบันการเงิน นักลงทุน คนซื้อบ้าน รู้ข้อมูลจริง ก็จะได้หลงทิศผิดทาง ไม่ทำให้ประสบปัญหา กลายเป็นปัญหาสังคมและเศรษฐกิจไป นี่คือแง่มุมการทำความดีของผม

            แล้วผมจะได้อะไรจากการทำดีแบบนี้ ผมได้ด้วยการที่ผู้เข้าสัมมนา จะได้ตระหนักรู้ว่าเราคือศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ที่ดีจริง เผื่อวันหน้าจะได้มาเป็นลูกค้าจ้างให้ผมสำรวจวิจัยและประเมินค่าทรัพย์สิน ตลอดระยะเวลาที่ทำกิจการมา 25 ปี ยังไม่เคยแนะนำให้บริษัทใดเจ๊งเลย  บริษัทพัฒนาที่ดินที่มาใช้บริการของเรา ประสบความสำเร็จทั้งนั้น การหาลูกค้าของผมใช้ความรู้และความดีเข้าแลก ไม่ได้พาลูกค้าไป entertain โดยตีกอล์ฟ "หลุม 19" พาไปดื่มกินเพื่อเอางานมา การหาลูกค้าแบบ "สีเทาๆ" คงไม่ใช่หนทางของผม

            โดยที่ผมออกเงินค่าใช้จ่ายเอง ผมจึงใช้จ่ายอย่างประหยัด เช่น ไม่ได้ไปนอนโรงแรม ไปเช้าเย็นกลับ จริงๆ ไปแต่เช้ามืด กลับถึงบ้านก็ดึกดื่น ยกเว้นจำเป็นที่จำเป็นต้องค้างจริงๆ ก็ใช้โรงแรมแบบประหยัด จำนวนเพื่อนร่วมงานที่พาไป ก็พาไปแต่พอสมควร หลังเสร็จงานแล้ว ผมเองก็แปลงร่างเป็นกรรมกร แบกเครื่องเคราต่าง ๆ เอง เช่น แผ่นป้ายโฆษณา คอมพิวเตอร์ ฯลฯ โดยไม่ได้ยึดติดกับอัตตามากนัก ไม่ได้เป็นแบบข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ไปไหนมีคนแห่แหน นั่งเครื่องบินชั้นธุรกิจ กิน-พักอย่างดี เป็นต้น

            อย่างไรก็ตามการทำดีเพื่อให้ได้ดีนั้นก็เป็นปางหนึ่งของการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR: Corporate Social Responsibility) แต่ยังมีอีก 2 ปางสำคัญก็คือ การมีมาตรฐานจรรยาบรรณทางวิชาชีพที่ดี และการไม่กระทำผิดหรือฝ่าฝืนกฎหมายอีกด้วย เราจึงจะมี CSR จะสร้างแบรนด์ได้อย่างแท้จริง ท่านใดสนใจอ่านเกี่ยวกับ CSR สามารถ download หนังสือ "CSR ที่แท้" ของผมได้ที่นี่ http://bit.ly/1MfpeQH