เมื่อค่ำวันพฤหัสบดีที่ 27 กันยายน 2563 ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) และคณะเดินทางไปยังท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมืองเพื่อตรวจสอบอากาศยาน ซึ่งก็คือเครื่องบินแอร์บัสขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการประเมินค่าทรัพย์สิน

            สายการบิน สถาบันการเงิน โรงเรียนสอนการบิน ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องใด ๆ เช่น ปปช. ปปง. กรมบังคับคดี ฯลฯ สามารถใช้บริการการประเมินค่าทรัพย์สินประเภทเครื่องบินประเภทต่างๆ ได้ที่ศูนย์ข้อมูลฯ ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินการประเมินราคาเรื่องบินหลายประเภท รวมทั้งท่าอากาศยาน และมูลค่าของวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องกับการบิน เพราะในยุคปัจจุบันที่การบินข้ามประเทศถูกจำกัดไว้ ทำให้การบินมีเพียงราว 20-40% ของการบินตามปกติของสายการบินต่างๆ  อาจต้องปรับโครงสร้างหนี้หรืออื่นๆ

            ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่จะประสบปัญหามากที่สุดในขณะนี้ในทั่วโลก รวมทั้งในประเทศไทยก็คือ อันดับหนึ่งโรงแรม (โดยเฉพาะสำหรับนักท่องเที่ยว) อันดับที่สองรีสอร์ต (โดยเฉพาะสำหรับนักท่องเที่ยว) อันดับสามศูนย์การค้า (โดยเฉพาะที่ต้อนรับนักท่องเที่ยว) และอาคารสำนักงาน (https://bit.ly/33XjrC7) ที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากการเดินทางข้ามประเทศยังเป็นไปไม่ได้ (ยกเว้นที่รัฐบาลส่งเครื่องบินไปขนคนไทยกลับ) ดังนั้นจึงทำให้เครื่องบินทั้งหลายใช้งานน้องลงไปมาก รายได้ที่พึงได้จากเครื่องบินก็จะจำกัดลงไปด้วย

            การประเมินราคาของเครื่องบินหรืออากาศยานทั้งหลายจึงมีความจำเป็นมากขึ้น โดยเฉฮพาะสำหรับสถาบันการเงินที่อำนวยสินเชื่อออกไป หรือสายการบินเองที่อาจต้องขายเครื่องบินออกไป  ยิ่งกว่านั้นกิจการการเช่า (เหมาลำ) เครื่องบินก็มีความจำเป็นที่ต้องศึกษาด้วยเช่นกัน  ผู้ประเมินค่าทรัพย์สินจึงจำเป็นต้องให้บริการนี้เพื่อเป็นความเห็นของนักวิชาชีพที่เป็นการเพื่อใช้ในการตัดสินใจในเชิงธุรกิจ

            ยิ่งกว่านั้นในกรณีเลวร้ายจริงๆ เครื่องบินจำนวนมากยังอาจต้อง “ปลดระวาง” การขายซากเครื่องบิน หรือชิ้นส่วนต่างๆ ของเครื่องบินก็เป็นสิ่งที่ต้องใช้บริการการประเมินค่าทรัพย์สินเช่นกัน  ในกรณีนี้จำเป็นต้องมีผู้รู้ด้านวิศวกรรมการบินมาเกี่ยวข้องเช่นกัน เพราะถ้าซื้อเครื่องยนต์หรือชิ้นส่วนไปแล้ว ไม่สามารถใช้งานได้ ก็อาจทำให้สูญเสียเงินไปเปล่าๆ  ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญจึงขาดเสียไม่ได้

            ในบทความเรื่อง “เครื่องบินที่จอดแช่เพราะผลกระทบโควิด-19 ลงเอยที่สุสาน (เครื่องบิน)” ได้เขียนถึง Aircraft Boneyard หรือ สุสานเครื่องบินว่ามีเครื่องบินที่ถูกจอดแช่เพราะผลกระทบจากภัยระบาดของโควิด-19 มากกว่า 16,000 ลำ ในจำนวนนี้ไม่น้อยต้องถูกนำไปจอด “สุสานเครื่องบิน” เนื่องเพราะค่าใช้จ่ายการจอดแช่เครื่องบินอยู่ตามสนามบินทั่วโลกสูงมาก. . . “สุสานเครื่องบิน” ส่วนใหญ่อยู่กลางทะเลทราย เพราะพื้นที่กว้างขวาง สภาพพื้นผิวเรียบแข็งอยู่แล้ว อีกทั้งสภาพอากาศแห้ง ความชื้นต่ำ ทำให้ซากเครื่องบินเก่าถูกกัดกร่อนน้อย สามารถถูกนำชำแหละแยกขายอะไหล่ หรือเลือกอะไหล่ประกอบเครื่องบินลำใหม่นำกลับมาใช้ได้อีกในอนาคต. . .ส่วนใหญ่อยู่ในสหรัฐฯ โดยเฉพาะรัฐอริโซนาและแคลิฟอร์เนียคาบเกี่ยวพื้นที่รัฐเนวาดา แต่ใหญ่ที่สุดจริงๆอยู่กลางทะเลทรายทางภาคเหนือออสเตรเลีย ตามด้วยแคนาดา คีร์กีซสถาน สเปนและอังกฤษ” (https://bit.ly/2QspZkq)

            สนใจติดต่อคุณสัญชัย  ผอ.ฝ่ายบริการลูกค้ารายใหญ่ โทร. 02.295.3905 ต่อ 114 หรือ Email: lek@area.co.th